อุบัติการและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดผื่นแพ้ยา efavirenz ซ้ำซ้อนในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่เกิดผื่นแพ้ยาเริ่มแรกจาก nevirapine ในโรงพยาบาลฉะเชิงเทรา

ผู้แต่ง

  • โอภาส ต้นเจริญ หน่วยโรคผิวหนัง กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลฉะเชิงเทรา

คำสำคัญ:

efavirenz, HIV, อุบัติการณ์, nevirapine, ผื่นแพ้ยา, ปัจจัยเสี่ยง

บทคัดย่อ

การศึกษาแบบติดตามกลุ่มข้อนหลังโดยรวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนของกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ที่มา รับการรักษาในโรงพยาบาลฉะเชิงเทราและได้รับการวินิจฉัยว่ามีผื่นแพ้ยา nevirapine ซึ่งต่อมาได้รับการเปลี่ยนยาเป็น efavirenz ณ ช่วงเวลาระหว่าง สิงหาคม 2545 ถึง ตุลาคม 2551 ผู้ป่วยดังกล่าวจะได้รับการเฝ้าระวังอาการเรื่องผื่นหลังได้รับขา efavirene ไปแล้วอีก ไม่น้อยกว่า 3 เดือน จุดมุ่งหมายเพื่อดูอุบัติการณ์ ของการเกิดผื่นแพ้ซ้ำช้อนของ efaviree และวิเคราะห์หาปัจจับเสี่ยงในการเกิดผื่นแพ้ยาดังกล่าว โดยครอบคลุมข้อมูล ตั้งแต่อายุ เพศ ค่า CD4 เริ่มค้น ค่า anine aminotransterase เริ่มต้น โรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่มีมาแต่ก่อน ร่วมกับชนิดของยาที่เคยใช้รักษาโรคดังกล่าวแล้วเกิดการแพ้ระดับความรุนแรงของผื่นแพ้ยา nevirapine ที่เกิดขึ้นและท้ายสุดชนิดยาหลักที่ใช้ควบคุมโรคคิดเชื้อฉวยโอกาสซึ่งผู้ป่วยได้รับพร้อมกับยา nevirapine ข้อมูลที่ได้นี้จะนำมาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มเป้าหมายซึ่งเกิดผืนแพ้ยา efavirenz เป็นกลุ่มศึกษา และกลุ่มควบคุม ซึ่งไม่เกิดผื่นแพ้ยาดังกล่าว ในการศึกษาพบว่าจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการประเมินมีทั้งหมด 67 ราย (ผู้ชาย 56.7%) โดย มีค่าเฉลี่ยมัธยฐานของอายุเท่ากับ 37 ปี และมีค่ามัธยฐาน (และช่วงพิกัด interquartile range) ของค่า CD4 cell count เท่ากับ 70 (17-209) cells/μL ในจำนวนนี้พบผู้ป่วยกลุ่มศึกษา คือกลุ่มที่มีผื่นแพ้ยา EFV จำนวน 5 ราย (คิดเป็นอุบัติการณ์ของการเกิดผื่น 7.46%) และพบมีจำนวนรายย่อย 3 ราย ในกลุ่มนี้ที่จำเป็นต้องหยุดใช้ยา efavirenz ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลระหว่างสองกลุ่ม พบว่ามีข้อมูลพื้นฐานที่ทำการศึกษาใกล้เคียง กันและ โดยรวมไม่พบปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผื่นแพ้ยา efavienz ซ้ำซ้อน จากข้อมูลดังกล่าว ยกเว้นพบภาวะ eosinophilia จากผู้ป่วย 1 ราย ซึ่งมีผืนแบบกระจายลุกลามร่วมกับมีอาการอื่นนอกระบบผิวหนังและตรวจ ล็อดเจอค่า eosinophil count สูงมากโดยเฉพาะอย่างยิง มากกว่า 1,500 cells/μL ในการศึกษานี้ พบค่า มัธยฐาน (และช่วงพิกัด interquatile range) ของช่วงเวลาระหว่างหยุดยา nevirapine จนถึงเริ่มยา efavirenz เท่ากับ 10 (8-20 วัน) ในกลุ่มศึกษา และ 12 (7-20 วัน) ในกลุ่มควบคุม (p 0.74) และสัดส่วนของผู้ป่วยที่เกิดผื่นแพ้ยา nevirapine ระดับรุนแรง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างกลุ่มทั้งสอง พบว่ามีแนวโน้มของ สัดส่วนใกล้เคียงกัน (40% vs. 50%; OR 0.67: 95% CI 0.10-4.27; p 0.51) จากข้อมูลที่ได้พบว่าจำนวน ผู้ป่วยคิดเชื้อ HIV ที่มีค่า CD4 < 250 cells/μL ในโรงพยาบาลฉะเชิงเทราหลังจากใช้ยา nevirapine แล้วเกิด ผื่นแพ้ยา พบว่าส่วนใหญ่ (92.54%) สามารถเปลี่ยนมาใช้ยา efavirenz แทนได้ ยกเว้นมีข้อควรระวังกรณีมีผื่นแบบกระจายลุกลามร่วมกับมีอาการอื่นนอกระบบผิวหนังและพบผลตรวจ eosinophil count สูง > 1500 cells/μL ก็ไม่ควรใช้ยา efavirenz อีกต่อไป

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-12-27

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ