การทวนสอบเครื่องมือประเมินความเสี่ยงภาวะโซเดียมในเลือดต่ำจากการใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่ม thiazide ของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ในจังหวัดแพร่
คำสำคัญ:
การทวนสอบ, ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ, ยาขับปัสสาวะกลุ่ม thiazideบทคัดย่อ
ความเป็นมา: ความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้โดยทั่วไปและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในการรักษาใช้ยากลุ่ม thiazide ใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยาอื่น อาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยคือ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (hyponatremia) ซึ่งนำไปสู่การเจ็บป่วยและการเสียชีวิตได้ เครื่องมือคัดกรองภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (คะแนน ABCDF-S) ต้องมีการทวนสอบความถูกต้องแม่นยำเพื่อขยายการนำไปใช้ได้โดยทั่วไป
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ(hyponatremia) ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ที่ใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่ม thiazide และเพื่อทวนสอบความถูกต้องของเครื่องมือคัดกรองภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาย้อนหลัง (retrospective cohort study) รูปแบบเชิงพรรณนา ใช้สถิติเชิงอนุมานเพื่อทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ ไค-สแควร์(Chi-square) ใช้อัตราส่วนออด (odds ratio) คำนวณหาความสัมพันธ์ของปัจจัยเสี่ยง และใช้ receiver operator characteristic (ROC) curve ประเมินประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องมือเพื่อทำนายภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ รวบรวมข้อมูลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่ม thiazide จากฐานข้อมูลผู้ป่วยจากโรงพยาบาลในจังหวัดแพร่ ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2559 จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2562
ผลการศึกษา: จากการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาวะโซเดียมในเลือดต่ำและให้คะแนนการคัดกรองตามเกณฑ์ของเครื่องมือ ABCDF-S แล้ว ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (score > 8) พบว่ามี ความไว ความจำเพาะ และความแม่นยำ ร้อยละ 88.81, 84.13 และ 86.62 ตามลำดับ ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (score < 6) มีความไว ความจำเพาะ และความแม่นยำ ร้อยละ 84.13, 88.81 และ 86.62 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ การให้คะแนนจุดตัดเพื่อทำนายกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ ยืนยันตามข้อมูล AuROC ร้อยละ 98.06
สรุปผล: เครื่องมือ ABCDF-S score สามารถใช้ทำนายภาวะโซเดียมในเลือดต่ำได้ดี มีความแม่นยำ เมื่อนำมาทดสอบในกลุ่มผู้ป่วยทั้งจังหวัดแพร่ ยังยืนยันผลลัพธ์ที่ดี เภสัชกรที่ปฏิบัติงานเภสัชกรรมคลินิกและแพทย์สามารถใช้ประเมินความเสี่ยงการเกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำได้ง่าย ควรพิจารณาใช้เครื่องมือนี้ในช่วงเริ่มต้นของการสั่งใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่ม thiazide จะเกิดประโยชน์สูงสุด
เอกสารอ้างอิง
Bharati VM, Ajayi KS. Hypertension in the developing world: challenges and opportunities. Am J Kidney Dis. 2015;5:590-8.
Kayima J, Nankabirwa J, Sinabulya I, Nakibuuka J, Zhu X, Rahman M, et al. Determinants of hypertension in a young adult Ugandan population in epidemiological transition-the MEPI-CVD survey. BMC Pub Health. 2015;15:830-42.
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. แผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) [อินเตอร์เน็ต]. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2559 [เข้าถึงเมื่อ 13 สิงหาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก: http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER2/DRAWER023/GENERAL/DATA0000/00000077.PDF
Sakboonyarat B, Rangsin R, Kantiwong A, Mungthin M. Prevalence and associated factors of uncontrolled hypertension among hypertensive patients: a nation-wide survey in Thailand. BMC Res Notes. 2019;12(1):380.
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ: ทริค ธิงค์; 2562. หน้า 1-23.
Gabb GM, Mangoni AA, Anderson CS, Cowley D, Dowden JS, Golledge J, et al. Guideline for the diagnosis and management of hypertension in adults - 2016. Med J. 2016;205:85–9.
Wright JM, Musini VM, Gill R. First-line drugs for hypertension. Cochrane Database Syst Rev. 2018 Apr. doi: 10.1002/14651858.CD001841.pub3
Hwang KS, Kim GH. Thiazide-induced hyponatremia. Electrolyte Blood Press. 2010;8(1):51-7. doi: 10.5049/EBP.2010.8.1.5
Sonnenblick M, Friedlander Y, Rosin AJ. Diuretic-induced severe hyponatremia. Review and analysis of 129 reported patients. Chest. 1993;103:601-6.
Glover M, Clayton J. Thiazide-induced hyponatraemia: epidemiology and clues to pathogenesis. Cardiovasc Ther. 2012;30:e219–26.
Kanchanasurakit S, Saokaew S, Siriplabpla W, Arsu A, Boonmak W, Watcharasiriphong W. Development of a hyponatremia screening tool (ABCDF-S score) for patients with hypertension using thiazide diuretic agents. J Clin Pharm Ther. 2020;00:1–9.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชกรรมคลินิกทั้งหมด รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของกองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตาราง ของบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารเภสัชกรรมคลินิกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้สามารถนำไฟล์บทความไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ต่อได้ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอน (Creative Commons License: CC) โดย ต้องแสดงที่มาจากวารสาร – ไม่ใช้เพื่อการค้า – ห้ามแก้ไขดัดแปลง, Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับกองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรในกองฯ หรือ ชมรมฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ