การรักษาพยาบาลในพื้นที่รบ

ผู้แต่ง

  • สิทธิชัย ตันติภาสวศิน โรงพยาบาลชลบุรี

บทคัดย่อ

ความขัดแย้งและสงครามแน่นอนว่าต้องมีการบาดเจ็บล้มตาย พบว่าทหารมักเสียชีวิตจากการเสียเลือดจากบาดแผลตามแขนขา เลือดออกในช่องท้องจากการถูกยิง ลมรั่วในโพรงเยื่อหุ้มปอด (tension pneumothorax) และปัญหาระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นเมื่อทหารได้รับการบาดเจ็บ การรักษาพยาบาลจึงมุ่งเน้นการหยุดเลือดออกเป็นสำคัญก่อน ถัดไปจึงดูแลเรื่องการหายใจ บาดแผล กระดูกหัก และแผลไฟไหม้ ตามลำดับ

การรักษาพยาบาลในพื้นที่รบ เป็นการดูแลรักษานอกโรงพยาบาลในสถานการณ์รบ ซึ่งไม่ปลอดภัย ให้แก่ ทหาร ประชาชนที่บาดเจ็บ ทีมบุคลากร และผู้รุกราน การดูแลใน Tactical EMS แบ่งเป็น 3 พื้นที่ ดังนี้คือ 1.การรักษาในพื้นที่เสี่ยง (care under fire) 2.การรักษาในโรงพยาบาลสนาม (tactical field care) และ 3. การรักษาระหว่างขนย้าย (combat casualty evacuation) การรักษาในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เป้าหมายหลักคือ การรักษาผู้บาดเจ็บและการป้องกันไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม

การรักษาในพื้นที่เสี่ยง

การให้การรักษาในพื้นที่ที่ทำการรบ พื้นที่นี้ถือเป็น Hot zone การทำงานในพื้นที่นี้มีความเสี่ยงสูงและมีทรัพยากรจำกัด เป้าหมายหลักคือ หยุดเลือดออก ขนย้ายผู้ป่วยออกไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยเร็ว เน้นความปลอดภัยของบุคลากรเป็นสำคัญ หลีกเลี่ยงการถูกยิง ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับทีม

การรักษาในโรงพยาบาลสนาม

พื้นที่นี้ถือเป็น Warm zone การทำงานในพื้นที่นี้ก็ยังถือเป็นพื้นที่เสี่ยง และทรัพยากรมีจำกัดอยู่ แม้ว่าจะหยุดยิงกันแล้ว แต่ก็ต้องระวังว่าอาจมีการรบครั้งใหม่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เป้าหมายหลักคือการรักษาเพื่อลดอัตราตายรักษาตาม Airway (เปิดทางเดินหายใจ) -Breathing (ช่วยหายใจ)-Circulation (ช่วยระบบไหลเวียนเลือด) ป้องกันกระดูกสันหลังและคอบาดเจ็บ และรีบขนย้ายไปโรงพยาบาลที่ให้การรักษาโดยเร็ว

การดูแลระหว่างขนย้าย

พื้นที่นี้ถือเป็น Cold zone เป้าหมายหลักคือ การรักษาผู้บาดเจ็บให้อาการคงที่ และขนย้ายอย่างปลอดภัย นำส่งไปยังโรงพยาบาลที่ให้การรักษาโดยรวดเร็ว การขนย้ายต้องมุ่งเน้นว่าห้ามเคลื่อนขยับกระดูกสันหลัง เพื่อไม่ให้ผู้บาดเจ็บกลายเป็นอัมพาตตามมาได้ในภายหลัง

ประวัติผู้แต่ง

สิทธิชัย ตันติภาสวศิน, โรงพยาบาลชลบุรี

บรรณาธิการวารสารโรงพยาบาลชลบุรี

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-31