การนำหลุมสำหรับตรวจหาแอนตี้บอดีย์สำหรับเชื้อไวรัสเอดส์ด้วยวิธี ELISA มาใช้ใหม่
บทคัดย่อ
การตรวจหาแอนตี้บอดีย์ต่อเชื้อเอดส์ด้วยวิธี ELISA ถือได้ว่าเป็นวิธีมาตรฐานวิธีหนึ่ง และมักจะพบว่า มีน้ำยาเหลือในการตรวจแต่ละ test kit ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม 2537 โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จึงได้ทำการทดลองนำหลุมเก่าที่ใช้แล้วที่ไม่มีตัวอย่างตรวจใดให้ผลบวกมาใช้ใหม่โดยเก็บได้จำนวน 288 หลุม หลังจากล้างด้วยบัฟเฟอร์และซับให้แห้งแล้วจะนำมาแช่ตู้เย็นไว้เพื่อนำมาใช้ตรวจแบบ duplicate testing เทียบกับหลุมใหม่โดยเลือกน้ำเหลืองที่ส่งมาตรวจที่ห้อง serology มาตรวจโดยสุ่ม
จากการตรวจจำนวนทั้งสิ้น 269 รายพบว่า ค่าความชุกของ anti-HIV-positive เท่ากับร้อยละ 15.2 โดยมีค่าความไว ความจำเพาะ, positive predictive value และ negative predictive value เท่ากับร้อยละ 97.6, 99.6, 97.6 และ 99.6 ตามลำดับ และมีค่าสถิติ kappa เท่ากับร้อยละ 97.3 ประมาณสองในสามของค่า OD:cut-off ratio ของการตรวจด้วยหลุมเก่าจะอยู่ภายในร้อยละ 20 ของค่าของหลุมใหม่ ถึงแม้ว่าร้อยละของ false positive และ false negative จะน้อย แต่มีความสำคัญมากทางคลีนิก ฉะนั้นการนำหลุมเก่ามาใช้ควรจะจำกัดเฉพาะในการตรวจที่ไม่สามารถเชื่อมโยงผลเลือดกับผู้มาตรวจได้ และเลือดที่ผ่านการตรวจนั้นไม่ได้ถูกนำไปให้ผู้ป่วย เช่น ในการประมาณค่าความชุกของการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มเสี่ยง หรือเฉพาะในการตรวจซ้ำเลือดที่ให้ผลบวกด้วยการตรวจด้วยวิธี ELISA มาแล้วครั้งหนึ่ง
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 1994 กระทรวงสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

