การประเมินผลการใช้ยาเบาหวานที่มีมูลค่าสูงในโรงพยาบาลเลิดสิน

ผู้แต่ง

  • เพนนี ฉิมประภา กรมการแพทย์

บทคัดย่อ

โรคเบาหวานเป็น 1 ในโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรังที่พบอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากภาวะโรคแทรกซ้อน รายงานคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าภายในปี 2583 จะมีผู้ป่วยจำนวนสูงถึง 5.3 ล้านคน ปัจจุบันมียากลุ่มยับยั้งโซเดียมกลูโคสทรานสปอร์ต ชนิดที่ 2 (sodium-glucose co-transporter-2 inhibitors: SGLT2i) และยากลุ่มยับยั้งการทำงานของเอมไซม์ไดเพปทิดิลเพปทิเดส-4 (dipeptidyl peptidase 4 inhibitors: DPP-4i) ที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ยาในกลุ่มนี้ถูกจัดเป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและมีมูลค่าสูง การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาย้อนหลัง (retrospective descriptive study) วัตถุประสงค์ 1)เพื่อประเมินความเหมาะสมของการใช้ยาในกลุ่ม SGLT2i และ DPP-4i ตามแนวทางเวชปฏิบัติร่วมกับแบบประเมินความเหมาะสมในการใช้ยา (Drug use evaluation: DUE) และ 2)ประเมินประสิทธิผลของยาในการลดค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสม (HbA1C) ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเลิดสิน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 จำนวนผู้ป่วย 126 รายโดยแพทย์เฉพาะทางต่อมไร้ท่อ ผลการศึกษาประเมินความเหมาะสมในการใช้ยาสูตรผสมกลุ่ม SGLT2i และ DPP-4i  ยาสูตรเดี่ยวกลุ่ม SGLT2i และกลุ่ม DPP-4i  เท่ากับ ร้อยละ 62.50, 92.96 และ 74.36 ตามลำดับ ผลการประเมินรวมสูตรเดี่ยวและสูตรผสมเท่ากับ ร้อยละ 83.34 การประเมินประสิทธิผลของยา ทั้ง 2 กลุ่มในการลดค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสม 0.58±1.43 เนื่องจากยามีมูลค่าสูงแต่ยังคงมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย ดังนั้นอาจต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขรวมถึงความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

คำสำคัญ: ยากลุ่มยับยั้งโซเดียมกลูโคสทรานสปอร์ต ชนิดที่ 2, ยากลุ่มยับยั้งการทำงานของเอมไซม์ไดเพปทิดิลเพปทิเดส-4,                              ค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสม

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-04-30

วิธีการอ้างอิง