ผลของการปรับการให้บริการคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลบางปะกง ในสถานการณ์ระบาดใหญ่ ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ผู้แต่ง

  • คณาพร สื่อดวงจิต โรงพยาบาลบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
  • วัลลภ ใจดี คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.บูรพา จ.ชลบุรี
  • มยุรี พิทักษ์ศิลป์ สาขาวิชาเวชศาสตร์ป้ องกันและเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ ม.บูรพา จ.ชลบุรี

คำสำคัญ:

เบาหวานชนิดที่ 2, เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19), ระดับน้ำตาลในเลือด, พฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, ความพึงพอใจต่อการให้บริการ

บทคัดย่อ

สถานการณ์การระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ก่อให้เกิดโรคระบบทาง เดินหายใจ ซึ่งผู้สูงอายุและผู้มีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเช่น เบาหวาน มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ เพื่อลด การแออัดและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สำหรับผู้ป่ วยกลุ่มโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงรุนแรง คลินิกโรคเบาหวานโรงพยาบาลบางปะกงจึงได้ปรับตามตามแนวทางลดความแออัดในโรงพยาบาลเพื่อลดการแพร่กระจาย COVID-19 อย่างไรก็ตาม ผู้ป่ วยกลุ่มที่ไม่ได้รับบริการจากบุคลากรทางการแพทย์อาจมีผลกระทบต่อพฤติกรรม การดูแลสุขภาพและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้วิจัยจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง การให้บริการต่อการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) และน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1c) รวมถึงพฤติกรรม การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในระหว่างที่มีการระบาดของ COVID-19 และความพึงพอใจต่อการให้บริการ โดย วิจัยแบบภาคตัดขวาง (cross-sectional study) โดยใช้ข้อมูลผู้มารับบริการในคลินิกเบาหวาน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่มีผลตรวจ FBS และ HbA1c 2 ครั้งล่าสุดก่อน 24 มีนาคม พ.ศ. 2563 ครบ ตามเกณฑ์การคัดข้อมูลเข้าจากโปรแกรม HosXP วิเคราะห์ข้อมูลประชากรทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา ทดสอบความ แตกต่างของค่า FBS และ HbA1c ก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการให้บริการด้วย Wilcoxon Signed Rank และ ทดสอบความสัมพันธ์ของระดับพฤติกรรมการควบคุมโรคเบาหวานกับการเปลี่ยนกลุ่มภายหลังการเปลี่ยนแปลง รูปการให้บริการของคลินิกเบาหวานด้วยสถิติ Chi-square test ผลการวิจัยได้ประชากรที่ศึกษาจำนวน 137 คน พบ ว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ควบคุมโรคได้ดี ร้อยละ 71.5 (n=98) และกลุ่มที่ควบคุมโรคพอใช้ได้ ร้อยละ 28.5 (n=39), ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 54.7 (n=75) อายุส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 61-70 ปี ร้อยละ 31.4 (n=43) และประเภท ยาเบาหวานที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นชนิดรับประทาน ร้อยละ 98.5 (n=135) ค่าเฉลี่ยและ ส่วนเบียงเบนมาตรฐานของ ่ FBS ก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการให้บริการเท่ากับ 130.36±15.57 และ 149.8±33.58 mg% สูงขึ้นมีนัยสำคัญทาง สถิติ (p<0.05) ค่าเฉลี่ย HbA1C ก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการให้บริการเท่ากับร้อยละ 6.59±0.76 และ 6.85±1.09 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) พฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด พบว่าอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 53.3 (n=73) และระดับสูงร้อยละ 46.7 (n=64) และความพึงพอใจของผู้รับบริการส่วนใหญ่อยู่ ในระดับมาก หลังจากปฏิบัติตามแนวทางการให้บริการนี้แล้วผู้ป่ วยส่วนใหญ่มีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึง ควรมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการโดยอาจพิจารณาความสามารถของผู้ป่ วย และผู้ดูแลในการควบคุมโรค ความถี่ ในการกระตุ้นสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนและการประเมินพฤติกรรม โดยคำนึงถึงสถานการณ์ บริบทชุมชน อย่างเหมาะสมต่อไป

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-29

วิธีการอ้างอิง

บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุดจากผู้แต่งเรื่องนี้