สถานการณ์การดำเนินงานและการประเมินผลลัพธ์ของบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ในประเทศไทย
คำสำคัญ:
การดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลันและไม่เฉียบพลัน, การฟื้นฟูสมรรถภาพ, การประเมินความสามารถในการทำหน้าที่บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การดำเนินงานฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ในปิงบประมาณ 2547-2549 และการประเมินผลลัพธ์ของบริการฟินฟูสมรรถภาพผู้ป่วยในของประเทศไท ศึกษาใน โรงพยาบาลทั่วประเทศท์ให้บริการฟินฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ รวม 522 แห่ง กลุ่มตัวอย่างได้แก่แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู 324 คน นักกายภาพบำบัด 522 คน และนักกิจกรรมบำบัด 236 คน โดยสอบถามการใช้เครื่องมือประเมินผลลัพธ์ของบริการฟินฟูสมรรถภาพผู้ป่วย ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2550 ติดตามการตอบกลับ 3 ครั้งทางโทรศัพท์ อัตราการตอบกลับของข้อมูลโรงพยาบาลร้อยละ 60.9 และ กลุ่มนักวิชาชีพร้อยละ 57.8 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา คือ ความถี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การศึกษาพบว่า โรงพยาบาลทกระดับมีนักกายภาพบำบัด เฉลีย 3.3 คนต่อโรงพยาบาล นักกิจกรรมบำบัดหูรือนักอาชีวบำบัดเฉลี่ย 0.7 คนต่อโรงพยาบาล และมีแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเฉพาะในโรงพยาบาล ทั่วไปขึ้นไปเฉลี่ยโรงพยาบาลละ 0.8 คน สำหรับโรงพยาบาลที่มีช่างกายอุปกรณ์ปฏิบัติงานคือโรงพยาบาลทั่วไปบางแห่ง โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลฟื้นฟูสมรรถภาพเท่านั้น เฉลี่ยแห่งละ 1.3 คน โรงพยาบาลฟื้นฟูสมรรถภาพให้บริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในมากที่สุด 30,000 ครั้ง/ปี โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ให้บริการผู้ป่วยในมากครั้งที่สุด 15,000 ครั้งเปี ส่วนโรงพยาบาลชุมชนให้บริการน้อยที่สุด ทั้งผู้ป่วยนอก (700-2,700 ครัง/ปี) และผู้ป่วยใน (122-242 ครั้ง/ปี) การให้บริการฟื้นฟูฯแบบผู้ป่วยนอกระหว่างปี 2548-2549 ในภาพรวมมีจำนวนร้อยละ 2.8 ของบริการผู้ป่วยนอกทั้งหมด ส่วนแบบผู้ป่วยในมีปริมาณเพียงร้อยละ 5 ของการให้บริการผู้ป่วยในทั้งหมด ผู้พิการอาจต้องรับบริการฟื้นฟูฯมากกว่า 1 กิจกรรม ซึ่งพบว่าใช้บริการกายภาพบำบัดมากที่สุดถึงร้อยละ 89.3 รองลงมาคือกิจกรรมบำบัด ร้อยละ 10.4 และกายอุปกรณ์และอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.4 ซึ่งข้อมูลที่พบจากการศึกษานี้สะท้อนว่าบริการฟื้นฟูฯทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเกือบทั้งหมดเป็นการฟื้นฟูฯ ทางกายและการเครื่องไหว เมื่อประเมินผลลัพธ์ก่อนและหลังให้บริการ พบว่ากลุ่มนักวิชาชีพส่วนใหญ่ประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันมากกว่าร้อยละ 90 โดยเครื่องมือที่นิยมใช้มากที่สุด (42.3%) คือ Barthel Index ประเมินความสามารถในการรับรู้ ร้อยละ 37.3-40.8 ส่วนใหญ่ (33.0%) ใช้เครื่องมือ Mini-Mental State Examination กระทรวง สาธารณสุขจึงควรเน้นการพัฒนาบริการฟื้นฟูฯที่ตอบสนองกับความพิการครบทุกบระเภท ไม่ว่าจะเป็นการ สนับสนุนการพัฒนานวตกรรมรูปแบบการจัดบริการฟื้นฟูฯ โดยคำนึงถึงการจัดการด้านกำลังคนและ มาตรการจูงใจที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนพัฒนาและใช้เครื่องมือประเมินผลลัพธ์การบริการฟื้นฟูฯ ที่มีมาตรฐานเดียวกัน
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

