ปัจจัยเสี่ยงที่เหมาะสมในการคัดกรองการคลอดก่อนกำหนด

ผู้แต่ง

  • ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี

คำสำคัญ:

การคลอดก่อนกำหนด, ปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด, การคัดกรองการคลอดก่อนกำหนด

บทคัดย่อ

การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขนาดของปัญหา ปัจจัยเสี่ยง และปัจจัยเสี่ยงที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เพื่อการ คัดกรองการคลอดก่อนกำหนด เป็นการศึกษาแบบย้อนหลังโดยใช้ข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ที่คลอดในเขตสุขภาพที่ 5 ตั้งแต่พ.ศ. 2552-2558 ที่ทราบอายุครรภ์เมื่อคลอดจำนวน 52,924 ราย โดยรายที่คลอดก่อนกำหนดจำนวน 4,272 รายใช้เป็นกลุ่มศึกษา ส่วนกลุ่มที่คลอดครบกำหนด 48,652 รายเป็นกลุ่มควบคุม ผลการศึกษาพบว่า ในเขตสุขภาพที่ 5ความชุกของการคลอดก่อนกำหนดเท่ากับร้อยละ 8.1 ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม (LBW) ร้อยละ 9.1 ภาวะขาดออกซิเจนเมื่อแรกคลอด (birth asphysia) เท่ากับ 21.3 ต่อพันการเกิดมีชีพ กลุ่มที่คลอดก่อนกำหนดพบภาวะทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย เป็น 16.3 เท่า พบภาวะการขาดออกซิเจนเมื่อแรกคลอด เป็น 3.9 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่คลอดครบกำหนด (แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ) วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้แก่ มีประวัติการแท้งเองตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไป [OR=1.4 (1.2-1.8)) ครรภ์แฝด [OR-9.5 (7.4-12.1)] อายุ >=35 ปี [OR=1.3 (1.1-1.6)] อายุน้อยกว่า 15 ปี [OR=2.1 (1.3-3.5)] ภาวะโลหิตจาง (hematocrit <33%) [OR=1.9 (1.2-2.9)] ดัชนีมวลกายน้อยกว่า 18.5 กิโลกรัม /ตารางเมตร [OR=1.2 (1.1-1.3)), pregnancy induced hypertension [OR=2.5 (1.8-3.5)] และเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ [OR=2.4 (1.6-3.6)]ในทางคลินิกประวัติการคลอดก่อนกำหนดในครรภ์ก่อนหน้า และความยาวของปากมดลูกที่วัดด้วย vaginal ultrasound ที่สั้นกว่า 2.5-3.0 ซม. ถูกนำมาใช้เป็นข้อบ่งชี้ในการให้ยา progesterone ในการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ในกรณีที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรไม่สามารถที่จะทำ vaginal ulrasound เพื่อวัดความยาวปากมดลูกในหญิงตั้งครรภ์ทุกรายได้การเลือกในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงตัวใดตัวหนึ่งหรือมากกว่า 1 ตัว เพื่อมาทำ vaginal ultrasound จะสามารถลดจำนวนรายที่จะทำ vaginal ultrasound ลงไปได้ถึงร้อยละ 53.0

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-11-01

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ