การดำเนินการพัฒนาระบบบริหารเวชภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด "คลังเดียว ราคาเดียว" จังหวัดเพชรบุรี

บทคัดย่อ

การบริหารเวชภัณฑ์ภายใต้แนวคิด "คลังเดียวราคาเดียว" เป็นการดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพระบบการบริหารเวชภัณฑ์ในสถานบริการในจังหวัดเพชรบุรี "คลังเดียว" คือ การลดจำนวนคลังให้เหลือ น้อยที่สุด และ "ราคาเดียว" คือ การดำเนินการในเรื่องของการกำหนดราคายาและเวชภัณฑ์เพื่อให้ได้ยาและเวชภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ราคาเหมาะสม ในการดำเนินการพัฒนาได้ประยุกต์การจัดการโลจิสติกส์ (logistics management) ที่มีหน่วยงานในการบริหารเวชภัณฑ์เพียงหน่วยเดียวเข้ามาจัดการ ทำให้สามารถควบคุมและเก็บรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้มีการกำหนดมาตรฐานในการประเมิน ทดสอบและปรับปรุงแก้ไขเกณฑ์การประเมินโดยคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการดำเนินงานบริหารเวชภัณฑ์และวัสดุวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งหมด 8 ประเด็นประกอบด้วยระบบบริหารจัดการ บุคลากร ระบบการจัดชื้อยา คลังยาและเวชภัณฑ์ ระบบการเบิกจ่าย โปรแกรมการบริหารเวชภัณฑ์ และการรายงาน เป็นต้น ได้ดำเนินการประเมินโรงพยาบาลทั้ง 8 แห่ง ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556และได้ดำเนินการพัฒนาการบริหารเวชภัณฑ์ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาคลังเวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์และโปรแกรมในการบริหารเวชภัณฑ์ โดยขอสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาระบบราชการ (กพร.)และดำเนินการประเมินหลังการพัฒนาระบบในเดือนกรกฎาคม 2556 ผลการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน พบว่าสถานบริการมีการพัฒนาระบบบริหารเวชภัณฑ์ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดเพิ่มขึ้นทั้ง 8 ประเด็น ในภาพรวม จังหวัดผลการประเมินเฉลี่ยรวมทุกหน่วยบริการได้คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 30.1 คะแนน (ร้อยละ 66.8) เป็น 40.3 คะแนน (ร้อยละ 89.7) มีหน่วยบริการที่ได้คะแนนประเมินอยู่ในระดับดีมาก (มากกว่าร้อยละ 90.0) จำนวน 4 แห่งและอยู่ในระดับดี (ร้อยละ 80.0-90.0) จำนวน 4 แห่ง เห็นได้ว่า ระบบบริหารเวชภัณฑ์ภายใต้แนวคิด "คลังเดียวราคาเดียว" ก่อประโยชน์ในการดำเนินงาน เช่น การปรับปรุงสถานที่ อุปกรณ์ในการเก็บรักษา การมีแนวทางการกำกับดูแลสถานพยาบาลของรัฐให้ปฏิบัติตามแนวทางบริหารเวชภัณฑ์อย่างชัดเจน มีการดำเนินการ จัดชื้อยาและเวชภัณฑ์ร่วมกัน การพัฒนาบุคลากร การกำหนดให้มีฝ่ายที่ทำหน้าที่จัดซื้อโดยเฉพาะ จะช่วยลดภาระงานของฝ่ายต่าง ๆที่เดิมต้องทำการจัดซื้อเอง การพัฒนาระบบขนส่งยาและเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเครือข่าย สามารถลดช่องทางการรั่วไหลของยากลุ่มเสี่ยงและลดการเบิกจ่ายยา ที่เกินความจำเป็นเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นได้อีกทางหนึ่ง