ปัจจัยที่มีผลต่อการติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง อำเภอสอง จังหวัดแพร่

บทคัดย่อ

สถานการณ์เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและเบาหวานของโรงพยาบาลสอง จังหวัดแพร่ ส่งผลให้มีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายเพิ่มสูงขึ้น การล้างไตทางช่องท้องเป็นทางเลือกอันดับแรกของผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เนื่องจากเป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการฟอกเลือด โดยผู้ป่วยและญาติสามารถทำเองที่บ้าน ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางมาโรงพยาบาล แต่ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องคือการติดเชื้อในช่องท้อง การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องที่บ้านอำเภอสอง จังหวัดแพร่ และปัจจัยที่มีผลต่อการติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง ประชากรในการศึกษาคือ ผู้ป่วย ล้างไตทางช่องท้องในพื้นที่อำเภอสอง จังหวัดแพร่ระหว่างเดือนตุลาคม 2554 - กันยายน 2555 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม แบบสังเกตและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยไคสแคว์ และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง จำนวน 22 คน ในจำนวนนี้มีการติดเชื้อในช่องท้องจำนวน 7 คน (8 ครั้ง) อัตราการติดเชื้อ 0.4 ครั้งต่อรายต่อปี ด้านบุคคล กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายร้อยละ 64.0 มีอายุเฉลี่ย 57 ปี มีโรคร่วมคือความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน ร้อยละ 78.2 ระยะเวลาของการทำ CAPD เฉลี่ย 2 ปี ด้านสถานที่ล้างไตแยกกับที่นอนร้อยละ 59.0 ด้านสิ่งสนับสนุน มีญาติเป็นผู้ดูแลร้อยละ 64.0 ผู้ดูแลผ่านการอบรมร้อยละ 100.0 ด้านการปฏิบัติ มีการล้างมือถูกต้องร้อยละ 64.0 ปิดแผลขณะอาบน้ำร้อยละ 64.0 สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องคือ การล้างมืออย่างไม่ถูกวิธีของผู้ดูแล มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 (p=0.03) และการไม่ปิดแผลขณะอาบน้ำ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 (p=0.04) การป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการล้างมืออย่างถูกวิธีของผู้แล และการดูแลแผลในขณะอาบน้ำ รวมทั้งการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มผู้ป่วยและผู้ดูแลเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนตลอดไป