ผลการประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพร่วมกับ แรงสนับสนุนทางสังคมในการมารับการตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกของสตรีอายุ 30 – 60 ปี ตำบลกุดใส้จ่อ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ, แรงสนับสนุนทางสังคม, มะเร็งปากมดลูกบทคัดย่อ
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับสองในสตรีไทย ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยในระยะลุกลามแล้วทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จากสถานการณ์ปัจจุบันพื้นที่ตำบลกุดใส้จ่อ สตรีกลุ่มเป้าหมายมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาผลการประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในการมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีที่มีอายุ 30 - 60 ปีที่อาศัยอยู่ในตำบลกุดใส้จ่อ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม จำนวน 80 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 40 คน โดยได้รับกิจกรรมต่าง ๆ ในการทดลองที่ผู้วิจัยกำหนดไว้ ได้แก่ การให้ความรู้ การนำเสนอตัวแบบจากผู้ป่วยการติดตามกระตุ้นจากอาสาสมัครสาธารณสุขซึ่งเป็นพี่เลี้ยง การเชิดชูเกียรติ การจัดหน่วยให้บริการในชุมชน ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบจำนวน 40 คน ได้รับความรู้ตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่แบบสอบถาม และเครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง เก็บรวบรวมข้อมูลก่อนและหลังการทดลอง ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2555 ระยะเวลาในการทดลอง 12 สัปดาห์ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามแล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ paired t-test และ independent t-test ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการทดลอง สตรีกลุ่มทดลองมีการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพมากกว่าก่อนดำเนินการทดลองและมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และสตรีกลุ่มทดลองทุกคนมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยสรุป การประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมทำให้สตรีมีการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก และมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมากขึ้นทำให้เกิดอัตลักษณ์ คือ "การให้ข้อมูล ข่าวสาร จัดบริการที่เข้าถึงง่าย ใช้แรงหนุนเสริม" ดังนั้น หน่วยงานในพื้นที่จึงควรนำรูปแบบดังกล่าวไปขยายผลและประยุกต์ใช้กับปัญหาสาธารณสุขด้านอื่น ๆ ต่อไป
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

