ประสิทธิผลการรักษาผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัส โรงพยาบาลระยอง
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี, ยาต้านไวรัส, โรคติดเชื้อฉวยโอกาส, ระดับความเข้มข้นของเลือด, ศูนย์คามิลเลียนบทคัดย่อ
ประเทศไทยมีสถิติการคลอดและเด็กเกิดใหม่ประมาณ 9 แสนคนต่อปี มีเด็กคลอดจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 13,000 คน ถึงแม้มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกซึ่งทำให้ลดการติดเชื้อในเด็กจากประมาณร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 9 แต่ยังพบเด็กที่ติดเชื้อเชไอวีจากแม่อยู่จำนวนมากที่ต้องได้รับการดูแล รักษาอย่างต่อเนื่อง การศึกษาเชิงพรรณนานี้เพื่อศึกษาถึงประสิทธิผลของการใช้ยาต้านไวรัส ในการรักษา ผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีในโรงพยาบาลระยอง โดยการเก็บข้อมูลย้อนหลังจากแบบบันทึกการให้บริการทางการแพทย์ ร่วมกับเวชระเบียนเด็กติดเชื้อเอชไอวี ที่เข้าโครงการรับยาต้านไวรัส โรงพยาบาลระยอง ช่วงปีพ.ศ.2544 จนถึง พ.ศ.2555 จำนวน 119 คน ติดตามและประเมินผลการรักษาจากอาการทางคลินิกทุก 1 เดือนใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูล paired t-test และ One-way ANOVA ในการเปรียบเทียบความแตกต่างและหาความสัมพันธ์
พบว่า เด็กติดเชื้อที่เข้าโครงการรับยาต้านไวรัส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 และติดตามเด็กจนถึงปี พ.ศ. 2555จำนวน 119 ราย ร้อยละ 55.5 เป็นเด็กเพศหญิง อายุที่รับยาครั้งแรกเฉลี่ย 7.1 ปี (1-15 ปี) ส่วนใหญ่ลักษณะทางคลินิกดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีมวลกาย หลังได้รับยาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในเดือนที่ 24 (p-value 0.000) ส่วนค่าร้อยละ CD4 หลังการกินยามีค่าสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในเดือนที่ 6,12,18และเดือนที่ 24 (p < 0.0001) มีการตรวจค่าระดับไวรัส พบว่าภายหลังเด็กได้รับยาต้านไวรัส มีเด็กที่ตรวจค่าระดับไวรัส < 50 ร้อยละ 61.90 ในด้านอาการทางคลินิกพบว่าค่าเฉลี่ยระดับความเข้มข้นของเลือดอยู่ในเกณฑ์ปรกติและไม่มีความแตกต่างอย่างมียัยสำคัญทางสถิติในช่วงแต่ละ 6 เดือนเป็นเวลา 2 ปี พบการดื้อยา ร้อยละ 27.27 และป่วยเป็นโรคติดเชื่อฉวยโอกาสหลังได้รับยาต้านไวรัสร้อยละ 9.09 นอกจากนียังได้ประเมินความสัมพันธ์กลุ่มของผู้ดูแลเด็กติดเชื้อ โดยศุนย์คามิเลียน และบิดา มารดา กับญาติ กับการเพิ่มขึ้นของร้อยละ CD4 วิเคราะห์ข้อมูลโดย One-way ANOVA พบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value > 0.005)
จึงสรุปว่า การรักษาผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์มีประสิทธิผลดีทำให้ค่า BMT และ ร้อยละ CD4 ของผู้ป่วยสูงขีน ระดับค่าไวรัสลดลง ระดับความเข้มข้นของเลือดอยู่ในเกณฑ์ปรกติ พบโรคติดเชื้อฉวยโอกาสเพียงเล็กน้อย และประเภทของผู้ดูแลไม่มีผลต่อประสิทธิผลการดูแลเด็กติดเชื้อ
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

