ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาล
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากร ในโรงพยาบาล กำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้ตัวแปรการเลื่อนขั้น หรือเงินเดือนที่ไม่เหมาะสม พบในกลุ่มมีภาวะหมดไฟในการทำงานร้อยละ 35.7 เปรียบเทียบกับไม่มีภาวะหมดไฟในการทำงานร้อยละ 22.2 เป็นการคำนวณสองทิศทาง ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 อำนาจทางสถิติร้อยละ 80 กำหนด ratio ของกลุ่มไม่มีภาวะหมดไฟในการทำงานต่อกลุ่มที่มีภาวะหมดไฟในการทำงานเป็น 2.5 : 1 ได้จำนวนบุคลากรที่ไม่มีภาวะหมดไฟในการทำงาน 348 ราย และกลุ่มมีภาวะหมดไฟในการทำงาน 139 ราย รวมทั้งหมด 487 ราย และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ลักษณะทำนายรายตัวด้วย univariable logistic regression และวิเคราะห์ลักษณะทำนายร่วมกันหลายตัวด้วย multivariable logistic regression นำเสนอด้วย Multivariable odds ratio (mOR)
ผลการวิจัยพบว่า บุคลากรที่มีภาวะหมดไฟในการทำงานและไม่มีภาวะหมดไฟในการทำงาน จำนวน 487 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (71.1%) อายุเฉลี่ย 39.1 (±10.7) ปี อยู่ระหว่าง 20-60 ปี มีประสบการณ์ทำงานในโรงพยาบาล 39 ปี โดยกลุ่มที่มีภาวะหมดไฟในการทำงานมีอายุและประสบการณ์ทำงานในโรงพยาบาลเฉลี่ยน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่มีภาวะหมดไฟในการทำงาน โดยปัจจัยที่มีผลต่อภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาล ได้แก่ อายุ 26-43 ปี มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 35,000 บาท มีชั่วโมงการทำงานมากกว่า 41 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ปฏิบัติงานสนับสนุน มีประสบการณ์การทำงานในโรงพยาบาลน้อยกว่า 6 ปี มีภาระงานที่รับผิดชอบในปัจจุบันมากกว่า 2 งาน นอกจากนี้ยังเคยมีความคิดลาออก เนื่องจากการเลื่อนขั้นหรือเลื่อนเงินเดือนรวมทั้งค่าตอบแทนที่ได้รับไม่เหมาะสม โดยที่ปัจจัยด้านอายุ 26-43 ปี (Gen Y) เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาลมากที่สุด และมีโอกาสเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานเพิ่มขึ้น 10.4 เท่าเมื่อเทียบกับบุคลากรที่มีช่วงอายุอื่นๆ
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.