ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกลับมาบริจาคโลหิตซ้ำของผู้บริจาคโลหิตในจังหวัดแพร่
บทคัดย่อ
บทนำ: การจัดหาโลหิตไม่เพียงพอใช้กับผู้ป่วยมีสาเหตุจากปัญหาและปัจจัยอื่นทางสาธารณสุขที่ แตกต่างกัน จังหวัดแพร่ มีอัตราความไม่เพียงพอใช้ของโลหิตเฉลี่ยร้อยละ 35.0 ปี พ.ศ. 2558-2560 สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดแพร่ มีผู้บริจาคโลหิตครั้งแรกเฉลี่ยร้อยละ 19.7 และมีอัตราการไม่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำภายในระยะเวลา 6 เดือนสูงถึงร้อยละ 83.3 ดังนั้นการศึกษาปัจจัยที่อาจส่งผลถึงความตั้งใจในการกลับมาบริจาคโลหิตซ้ำ จะใช้เป็นข้อมูลปรับปรุงบริการพัฒนาระบบงานเชิงนโยบายเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริจาคโลหิตกลับมาบริจาคโลหิตซ้ำ จะทำให้มีโลหิตเพียงพอใช้กับผู้ป่วยมากขึ้น
วัตถุประสงค์: ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการกลับมาบริจาคโลหิตซ้ำของผู้บริจาคโลหิต
วิธีการศึกษา: Crossectional Analytical Study ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล พฤติกรรม ทัศนคติ ความรู้ความ
เข้าใจ การรับรู้นโยบายการส่งเสริม แรงสนับสนุนทางสังคมต่อการบริจาคโลหิตและความ พึงพอใจในผู้บริจาคโลหิต 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำภายในระยะเวลา 6 เดือน 180 ราย และกลุ่มที่ไม่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำ 405 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติอนุมาน
ผลการศึกษา: กลุ่มที่กลับมาบริจาคซ้ำส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 29.83 ปี กลุ่มที่ไม่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 26.36 ปี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กลุ่มที่กลับมาบริจาคซ้ำ มีพฤติกรรมการบริจาคโลหิตที่มากกว่า 2 ครั้ง พบร้อยละ 68.34 ส่วนกลุ่มที่ไม่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำบริจาคมากกว่า 2 ครั้ง ร้อยละ 50.12 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กลุ่มที่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริจาคโลหิตในระดับดีร้อยละ 43.33 กลุ่มที่ไม่กลับมาบริจาคส่วนใหญ่มีความรู้ในระดับปานกลางร้อยละ 45.19 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้านทัศนคติที่ดีต่อการบริจาคโลหิตพบว่ากลุ่มที่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำมีทัศนคติระดับดีร้อยละ 80.56 กลุ่มที่ไม่กลับมาบริจาคซ้ำมีทัศนคติระดับดีร้อยละ 63.70 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระดับการรับรู้นโยบายส่งเสริมการบริจาคโลหิตในกลุ่มที่กลับมาบริจาคโลหิตซ้ำมีการรับรู้ระดับดีมากที่สุดร้อยละ 57.22 และกลุ่มที่ไม่กลับมาบริจาคมีการระดับดีมากที่สุดเช่นกัน คือ ร้อยละ 45.43 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษาความตั้งใจที่จะกลับมาบริจาคโลหิตในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มที่กลับมาบริจาคซ้ำส่วนใหญ่มีความตั้งใจระดับดีร้อยละ 89.44 กลุ่มที่ไม่กลับมามีความตั้งใจระดับดีร้อยละ 56.05 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งสองกลุ่มมีความพึงพอใจต่อบริการในระดับดีมากที่สุดไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การศึกษาความสัมพันธ์ของแต่ละปัจจัย พฤติกรรมการบริจาคโลหิตกับความตั้งใจที่จะกลับมาบริจาคโลหิตซ้ำพบ 5 ปัจจัย ที่มีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ระดับการศึกษาในระดับอนุปริญญาหรือเทียบเท่า (Odds ratio 8.45) ระดับการศึกษามัธยมศึกษามี Odds ratio 2.27 การมีความรู้ความเข้าใจในการบริจาคโลหิตระดับดีมี Odds ratio 7.29 พฤติกรรมการบริจาคโลหิต 2 ครั้ง มี Odds ratio 6.51และพฤติกรรมบริจาคโลหิตที่มากกว่า 2 ครั้ง มี Odds ratio 5.32 ถิ่นที่อยู่ของผู้บริจาคโลหิตเขตอำเภอเมืองแพร่ มี Odds ratio 2.55 โดยผู้บริจาคโลหิตที่อายุมากกว่า 59 ปี มี Odds ratio 2.38
สรุป: ปัจจัยที่ส่งผลต่อความตั้งใจที่จะกลับมาบริจาคโลหิตซ้ำได้แก่การมีความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติที่ดีต่อการบริจาคโลหิต การรับรู้นโยบายส่งเสริมการบริจาคโลหิต การจัดบริการที่สะดวกต่อการเข้าถึงและการกระตุ้นให้ผู้บริจาคมีพฤติกรรมการบริจาคโลหิตที่มากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป
คำสำคัญ: พฤติกรรมการบริจาคโลหิต, ความรู้ความเข้าใจ, นโยบายส่งเสริมและแรงสนับสนุนทางสังคม