ความสัมพันธ์ระหว่างการทํางานเป็นกะและภาวะน้ำหนักเกินของบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลแพร่
บทคัดย่อ
บทนำ: ภาวะน้ำหนักเกินจัดเป็นปัญหาสุขภาพทั่วโลก จากข้อมูลการตรวจสุขภาพของบุคลากรใน โรงพยาบาลแพร่ พบบุคลากรมีภาวะน้ำหนักเกินสูงถึง 626 คน คิดเป็น 49.14% ของบุคลากรทั้งหมด ซึ่งภาวะน้ำหนักเกินจัดเป็นปัจจัยเสี่ยงและเป็นสาเหตุทําให้เกิดปัญหาสุขภาพกายและจิตใจตามมา เมื่อบุคลากรทางการแพทย์เกิดปัญหาสุขภาพขึ้นย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพการทํางานลดลงได้
วัตถปุระสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของการทํางานเป็นกะกับภาวะน้ำหนักเกินในบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแพร่
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ภาคตัดขวางศึกษาที่โรงพยาบาลแพร่ ในบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแพร่ เก็บข้อมูลช่วงวันที่ 7-15 กุมภาพันธ์ 2561 ศึกษาความสัมพันธ์ของการทํางานเป็นกะกับภาวะน้ำหนักเกิน โดยการใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลเป็น self-report แล้วนําข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จํานวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบและหาความสัมพันธ์ โดยใช้ Exact probability test และ Spearman's correlation
ผลการศึกษา: ดัชนีมวลกายของบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลแพร่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับน้ำหนักเกิน (BMI 23.0-24.9 ) และอ้วน (BMI≥25) 48.6% และพบว่า จํานวนเวรกะบ่ายและดึกที่ได้รับมอบหมาย ต่อเดือน (Rho=-0.0366, p<0.4548) และการเคลื่อนไหวร่างกายขณะปฏิบัตหน้าที่ต่อเวร (Rho= -0.0303, p<0.5346) ที่มากขึ้นสัมพันธ์กับการลดลงของดัชนีมวลกายอย่างไม่มีนัยสําคัญทางสถิติ แต่พบว่าเมื่ออายุเพิ่มขึ้นจะสัมพันธ์กับดัชนีมวลกายที่เพิ่มอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (Rho=0.2121, p <0.001) เช่นเดียวกับประสบการณ์การทํางานหรืออายุงานที่เพิ่มขึ้นก็สัมพันธ์กับดัชนีมวลกาย ที่เพิ่มอย่างมีนัยสําคัญเช่นกัน (Rho =0.189, p <0.001)
สรุป: ผลการศึกษาพบว่า บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลแพร่ส่วนใหญ่มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน และมีพฤติกรรมการออกกําลังกายอยู่ในระดับไม่เหมาะสม โดยบุคลากรส่วนใหญ่คิดว่าการทํางาน กะบ่ายและดึกเป็นอุปสรรคต่อการออกกําลังกาย ควรนำเสนอข้อมูลแก่ผู้บริหารระดับสูง เพื่อนำไปพิจารณาการจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพในโรงพยาบาล เพื่อลดอุบัติการณ์ของภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของบุคลากรต่อไป
คําสําคัญ: ภาวะน้ำหนักเกิน, บุคลากรทางการแพทย์, การทํางานเป็นกะ โรงพยาบาลแพร่