ความชุกและปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ในโรงพยาบาลลำพูน
บทคัดย่อ
บทนำ: ไวรัสตับอักเสบซี เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของโลกและยังเป็นสาเหตุอันดับต้นของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับของประเทศไทย
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความชุก และปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีของผู้เข้ารับบริการรักษาในโรงพยาบาลลำพูน
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาย้อนหลัง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยนอกที่มารับบริการที่ตรวจคัดกรองโดยตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซีด้วยวิธี Chemiluminescence กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลลำพูน ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 328 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบบันทึกข้อมูลผู้เข้ารับบริการตรวจหาการติดเชื้อ HCV วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ ค่า Chi-Square Test, Fisher exact Test และ Logistic Regression Analysis
ผลการศึกษา: ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยนอกที่เข้ารับบริการที่ตรวจคัดกรองโดยตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส ตับอักเสบซี โรงพยาบาลลำพูน จำนวนทั้งสิ้น 328 ราย พบผู้ป่วยติดเชื้อ HCV จำนวน 74 ราย คิดเป็นความชุกร้อยละ 22.6 ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน [OR=12.12 (95%CI 2.04-34.30), p<0.001] มีรอยสักตามร่างกาย [OR=8.38 (95%CI 2.04-34.30), p<0.001] ติดเชื้อ HIV [OR=2.62 (95%CI 1.16-5.59), p<0.001] เพศชาย [OR=2.03(95%CI 0.86-4.77), p<0.001] และอาชีพพนักงานเอกชนหรือรับจ้างทั่วไป [OR=0.44 (95%CI 0.21-0.92), p<0.05]
สรุป: การศึกษาความชุกและปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอย่างต่อเนื่อง เป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันโรค และพัฒนาระบบการตรวจคัดกรอง เพื่อให้ประชาชนที่ติดเชื้อเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงทีและลดโอกาสการแพร่เชื้อ
คำสำคัญ: ความชุก, ปัจจัยเสี่ยง, ไวรัสตับอักเสบซี


