ผลของการกดมดลูกส่วนล่าง นาน 8 นาที ในการคลอดปกติทางช่องคลอดเพื่อป้องกัน การตกเลือดหลังคลอดระยะแรก โรงพยาบาลลำพูน

ผู้แต่ง

  • รุณราวรรณ์ แก้วบุญเรือง โรงพยาบาลลำปาง

บทคัดย่อ

บทนำ: ภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะแรก เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมารดาทั่วโลก การเร่งคลอดในระยะที่ 3 เป็นการป้องกันการตกเลือดหลังคลอด ที่ได้รับการยอมรับและได้ผลดี การกดมดลูกส่วนล่างเป็นวิธีการหนึ่ง ที่สามารถลดปริมาณการสูญเสียเลือดและลดอุบัติการณ์การตกเลือดหลังคลอดได้

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลและปริมาณการสูญเสียเลือด ระหว่างกลุ่มทดลองที่ได้รับการกดมดลูกส่วนล่างนาน 8 นาที กับกลุ่มควบคุมที่ได้รับการดูแลระยะที่ 3 ของการคลอดตามปกติ

วิธีการศึกษา:  เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง ศึกษาระหว่างเดือน ธันวาคม 2566 ถึง มีนาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างเป็นมารดาคลอดปกติทางช่องคลอด ห้องคลอด โรงพยาบาลลำพูน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 108 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 54 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลระยะรอคลอดและคลอด ข้อมูลการได้รับยาหลังทารกคลอด ข้อมูลปริมาณการสูญเสียเลือด และแนวทางการกดมดลูกส่วนล่าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Chi-Square test และ Independent t–test

ผลการศึกษา:  กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยปริมาณการเสียเลือดในระยะที่ 3 ของการคลอดน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (144.71±64.01 มิลลิลิตร vs 219.61±103.78 มิลลิลิตร p<.05) ในระยะที่ 4 ของการคลอด กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีค่าเฉลี่ยปริมาณการเสียเลือดไม่แตกต่างกัน (67.27±40.82 มิลลิลิตร vs 67.65±31.21 มิลลิลิตร p=.479) กลุ่มทดลองมีปริมาณการเสียเลือดทั้งหมดน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (212.96±65.61 มิลลิลิตร vs 285.49±106.06 มิลลิลิตร p<.05) กลุ่มทดลองไม่พบการตกเลือดหลังคลอด ส่วนกลุ่มควบคุมมีอัตราการตกเลือดหลังคลอด จำนวน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.70

สรุป:  การกดมดลูกส่วนล่าง นาน 8 นาที ในการคลอดปกติทางช่องคลอด ช่วยลดปริมาณการสูญเสียเลือดหลังคลอด และลดการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะแรกได้

คำสำคัญ:  การกดมดลูกส่วนล่าง, ภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะแรก, การดูแลตามปกติ

เอกสารอ้างอิง

Alkema L, Chou D, Hogan D, Zhang S, Moller A, Gemmill A, et al. National, regional, and global levels and trends in maternal mortality between 1990 and 2015 with scenario-based projections to 2030: a systematic analysis by the United Nations Maternal Mortality Estimation Inter-Agency Group. Lancet 2015;387(10017):462-74. doi:10.1016/S0140-6736(15)00838-7

กระทรวงสาธารณสุข. ยุทธศาสตร์ตัวชี้วัดและคำรับรองการปฏิบัติราชการ กรมอนามัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2566.

ถวัลย์ วงค์รัตนสิริ, ฐิติมา สุนทรสัจ, สมศักดิ์ สุทัศน์วรวุฒิ. สูติศาสตร์ฉุกเฉิน. สมุทรสาคร: พิมพ์ดี; 2553.

Breathnach F, Geary M. Uterine atony: definition, prevention, non surgical management and uterine tamponade. Seminars in Perinatology 2009;33(2):82-7.

Anderson JM, Etches D. Prevention and management of postpartum hemorrhage. Am Fam Physician 2007; 75(6):875-882.

ลัดดาวัลย์ ปลอดฤทธิ์, สุชาตา วิภวกานต์, อารี กิ่งเล็ก. การพัฒนาแนวปฏิบัติการป้องกันการตกเลือดหลังคลอดระยะแรกในห้องคลอดโรงพยาบาลกระบี่. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2559;3(3):127-41.

สุสัณหา ยิ้มแย้ม. การพยาบาลสตรีที่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะหลังคลอด. ใน: นันทพร แสนศิริพันธ์, ฉวี เบาทรวง, บรรณาธิการ. การพยาบาลและการผดุงครรภ์สตรีที่มีภาวะแทรกซ้อน. เชียงใหม่: สมาร์ทโคตรติ้ง แอนด์ เซอร์วิส; 2560. หน้า 321-32.

Hofmeyr GJ, Mshweshwe NT, Gulmezoglu AH. Controlled cord traction for the third stage of labour. Cochrane Database Syst Rev [Internet]. 2015 [cited 2025 Jan 29]. Available from: https://doi.org/10.1002/14651858. CD008020.pub2.

โรงพยาบาลลำพูน. สถิติข้อมูลงานอนามัยแม่และเด็ก. ลำพูน: กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลลำพูน; 2566.

The International Federation Gynecology and Obstetrics (FIGO). Prevention and treatment of postpartum hemorrhage in low-resource settings. International Journal of Gynecology & Obstetrics 2012;117(2):108-18. doi: 10.1016/j.ijgo. 2012.03.001.

World Health Organization [WHO]. WHO recommendations on prevention and treatment of postpartum haemorrhage [Internet]. 2012 [cited 2023 Oct 30]. Available from: http:// apps.who.int/iris/bitstream/10665/75411/1/9789241548502 _eng.pdf?ua=1

วันชัย จันทราพิทักษ์, กมล ศรีจันทึก, เรณู วัฒนเหลืองอรุณ. ประสิทธิผลของการกดมดลูกส่วนล่างเพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะแรก. วารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์ 2554;94(6):649-56.

พรทิพย์ เรืองฤทธิ์. ผลลัพธ์ของการกดมดลูกส่วนล่างภายหลังรกคลอดทันทีร่วมกับการคลึงมดลูกเพื่อป้องกันการตกเลือดระยะแรกในผู้คลอดปกติ. นเรศวรวิจัย ครั้งที่ 13: วิจัยและนวัตกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม; 2560.

กัลยาณี กังสนารักษ์. ผลของการกดมดลูกส่วนล่างนาน 8 นาที ในการคลอดปกติทางช่องคลอดที่โรงพยาบาลนครนายก เพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอดระยะแรก. วารสารโรงพยาบาลชลบุรี. 2565;47(3):225-32.

Estridge BM, Reynolds AP, Walters NJ. Basic hemostasis. In: Estridge BH, Reynolds AP, Walters NJ, editors. Basic medical laboratory techniques. 4th ed. New York: Delmar Cengage Learning; 2000. p.235-72.

Yuksel H. A novel approach to primary lower uterine segment atony. Taiwan J Obstet Gynecol 2015;54(4): 452-4. doi: 10.1016/j.tjog. 2014.05.010

สินีนาฏ หงส์ระนัย, ชมพูนุช โสภาจารีย์, พรทิพย์ เรืองฤทธิ์, วิชญาพร ดวงนิตย์. ผลของระยะเวลาการกดมดลูกส่วนล่างภายหลังรกคลอดทันทีต่อปริมาณการสูญเสียเลือดในการคลอดปกติ. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย 2562;12(2):179-92.

Masuzawa Y, Yaeko K. Uterine activity during the two hours after placental delivery among low-risk pregnancies: an observational study. J Matern Fetal Neonatal Med 2017;30(20):2446-51.

Anunsakunwat W, Iamurairat W, Boonyoung P. Lower uterine segment compression for 20 minutes to prevent early postpartum hemorrhage. J Med Assoc Thai 2018;101(9):1151-6.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-01

วิธีการอ้างอิง