ผลของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก: กรณีศึกษาโรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก Results of a Pulmonary Tuberculosis Patients Care Process in the Outpatient Department: A Case Study of Phrompiram Hospital,Phitsanulok Province
no
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยวัณโรคปอด, การดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด, กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกบทคัดย่อ
ผลของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก : กรณีศึกษาโรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
ความเป็นมา วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก โดยองค์การอนามัยโลกรายงานว่าในปี พ.ศ. 2565 มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ประมาณ 10.6 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากวัณโรคประมาณ 1.3 ล้านคนทั่วโลก (World Health Organization [WHO], 2023) โรงพยาบาลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 50 เตียง ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในพื้นที่ จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ปัญหาสำคัญในการดูแลผู้ป่วย วัณโรคปอดที่คลินิกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลพรหมพิราม ได้แก่ การขาดความต่อเนื่องในการรักษาการรับประทานยา การเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา การขาดการติดตามเยี่ยมบ้าน และข้อจำกัดในการประสานงานระหว่างทีมสหวิชาชีพเหล่านี้ล้วนส่งผลต่ออัตราความสำเร็จในการรักษาวัณโรคและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาผลของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลพรหมพิราม เพื่อพัฒนาแนวทางการดูแลที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และนำไปสู่การเพิ่มอัตราความสำเร็จในการรักษา ลดการขาดยา และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยวัณโรคในพื้นที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ต่อไป
วัตถุประสงค์การวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนากระบวนการดูแลวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก และวัตถุประสงค์ย่อย คือ 1) เพื่อศึกษาสถานการณ์ ปัญหา และแนวคิดการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพรหมพิราม 2) เพื่อสร้างและตรวจสอบองค์ประกอบของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม 3) เพื่อทดลองใช้และศึกษาผลการทดลองใช้กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม และ 4) เพื่อความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม
วิธีการดำเนินการวิจัย เป็นการวิจัยและพัฒนาประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ (1) การศึกษาสถานการณ์ ปัญหา และแนวคิดการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพรหมพิราม (2) การสร้างและตรวจสอบองค์ประกอบของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิรามด้วยสถิติการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (3) การทดลองใช้และศึกษาผลการทดลองใช้กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก
โรงพยาบาลพรหมพิราม และ (4) การประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพรหมพิราม ขั้นตอนที่ 1 ได้ศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่และกลับเป็นซ้ำ ย้อนหลัง 3 ปี จำนวน 240คน ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาเชิงสำรวจ โดยทําการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จํานวน 67 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบวิเคราะห์องค์ประกอบ แบบประเมินความคิดเห็นตามองค์ประกอบของกระบวนการ ขั้นตอนที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในขั้นตอนการทดลอง คือผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ที่มารับบริการในคลินิกวัณโรค ของโรงพยาบาลพรหมพิราม จำนวน 6 คน การสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sample)มี การจัดกิจกรรมตามกระบวนการดูแลให้กับกลุ่มทดลอง ดังนี้ 1)ก่อนทดลอง ประชุมเตรียมการ 2) ระหว่างทดลอง กิจกรรมกลุ่มทดลอง เริ่มโปรแกรมกระบวนการดูแลผู้ป่วยโรควัณโรคปอด ทั้งหมด 6 คน ระยะเวลา ทั้งหมด 6 เดือน ได้รับกระบวนการดูแลการจัดการตนเองโดยพยาบาล ด้วยกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด ส่วนงานผู้ป่วยนอก ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่(1)การเก็บรวบรวมข้อมูล ,(2)การประมวลผลและประเมินข้อมูล ,(3)การพูดชักจูง/การสร้างสัมพันธภาพ/การตัดสินใจ ,(4)การตั้งเป้าหมาย/การลงมือปฏิบัติ ด้านการลงมือกระทำ หรือปฏิบัติ (Action)ผู้ป่วยลงมือปฏิบัติ ทักษะการจัดการตนเอง,การให้สุขศึกษา(Health education) ด้านพฤติกรรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรควัณโรคปอด และ(5)การสะท้อนผล 3)หลังทดลองสรุปผลการทดลอง และวิเคราะห์ข้อมูล ขั้นตอนที่ 4 กลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรควัณโรคปอด ทั้งหมด 6 คน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการดูแลผู้ป่วยคลินิก 6 คน วัณโรคเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยขั้นตอน 1-4 ได้แก่ (1) แบบบันทึกข้อมูล (2) แบบประเมินกระบวนการ (3) แบบสอบถามการวิเคราะห์องค์ประกอบกระบวนการ (4) แบบประเมินความพึงพอใจ เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือคู่มือการใช้กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก วิเคราะห์ข้อมูลขั้นตอน 1-4 โดยใช้ การวิเคราะห์เนื้อหา เอกสาร ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis; EFA)
ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการศึกษาสถานการณ์ ปัญหาและแนวคิดการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพรหมพิราม
ส่วนที่ 1 ผลการศึกษาสถานการณ์ ปัญหา พบว่าระบาดวิทยาของโรควัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก ประกอบด้วย
Agent (เชื้อ/สาเหตุ)
Mycobacterium tuberculosis เมื่อเชื้อ M. tuberculosis เข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ จะไปถึงถุงลมปอด (alveoli) และถูกจับกินโดยเซลล์แมคโครฟาจ (macrophages) ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรค แต่เชื้อวัณโรคมีความสามารถพิเศษที่จะอยู่รอดและเพิ่ม
จำนวนภายในแมคโครฟาจได้ (Pai et al., 2016) เมื่อเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะเกิดการอักเสบเฉพาะที่ที่เรียกว่า "primary complex" หรือ "Ghon complex" ทำให้เกิด รอยโรคที่ปอด การอักเสบของต่อมน้ำเหลืองบริเวณขั้วปอด หรือการอักเสบของเนื้อเยื่อที่เชื่อมระหว่างรอยโรคและต่อมน้ำเหลือง
Host (นำพาไปติดเชื้อ)
1.โรคร่วม ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น การติดเชื้อ HIV, การได้รับยากดภูมิคุ้มกัน, โรคเบาหวาน, โรคปอดเรื้อรัง เช่น silicosis, COPD, โรคไตวายเรื้อรัง, ติดเชื้อวัณโรคในระยะ 2 ปีแรก, ภาวะทุพโภชนาการ
2.อายุน้อยกว่า 5 ปี หรือมากกว่า 65 ปี
3.ความรู้ในการดูแลตนเอง พฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
Environment (เอื้อต่อการติดเชื้อ)
มาตรฐานการรักษา, ครอบครัว, เศรษฐกิจ ,สังคม , การสื่อสารทางสุขภาพ
ส่วนที่ 2 ผลการศึกษาแนวคิด พบว่า กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม ใช้ทฤษฎีทางการพยาบาลมาผสมผสานเพื่อเป็นฐานในการออกแบบกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด ประกอบด้วย
(1) ทฤษฎีการเรียนรู้โดยการสังเกตหรือการเลียนแบบของบันดูรา (Bandura, 1997) และ
(2) ทฤษฎีการจัดการตนเองและการตัดสินใจของของเครียร์ (Creer, 2000)
2) ผลการสร้างและตรวจสอบองค์ประกอบของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม
ส่วนที่ 1 ผลการสร้างองค์ประกอบของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม พบว่า กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก คือ
1) หลักการ
2) วัตถุประสงค์
3) เนื้อหา
4) กระบวนการ และ
5) การประเมินผล
โดยในส่วนองค์ประกอบกระบวนการ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนย่อย คือ
(1) การเก็บรวบรวมข้อมูล
(2) การประมวลผลและประเมินข้อมูล
(3) การพูดชักจูง/การสร้างสัมพันธภาพ/การตัดสินใจ
(4) การตั้งเป้าหมาย/การลงมือปฏิบัติ และ
(5) การสะท้อนผล
ส่วนที่ 2 ผลการตรวจสอบองค์ประกอบของกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม ผลการตรวจสอบคุณภาพกระบวนการ โดย
(1) ผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า กระบวนการที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพอยู่ในระดับดี
(2) สถิติการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis; EFA) พบว่า มีค่า KMO มีค่าเท่ากับ .894 ซึ่งมีค่าเข้าใกล้ 1 แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลทั้งหมดและตัวแปรต่างๆนั้นมีความสัมพันธ์กันดีมากสามารถนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบตามจุดมุ่งหมายของการวิจัยได้และจากค่าBartlett’s Test (Ap-prox. Chi-Square=2257.166,df=351, Sig=.000) แสดงให้เห็นว่า ตัวแปรเกี่ยวกับกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม ทั้ง 26 ตัวแปรมีความสัมพันธ์กันเพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์องค์ประกอบ (Factor Analysis) ได้
3) ผลการทดลองใช้และศึกษาผลการทดลองใช้กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพรหมพิราม พบว่า
3.1) ความรู้ (จำนวนเคสxจำนวนปัญหาข้อย่อยในตารางstudy design เป็นยอดตัวหารทั้งหมด)
(1) ในผู้ป่วย มีร้อยละคะแนนเฉลี่ยของความรู้เรื่องโรควัณโรคปอด (..%....) สูงกว่าก่อนการทดลอง (...%...) และสูงกว่าเกณฑ์ (เกณฑ์ร้อยละ 80) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.................
3.2) พฤติกรรม
ภายหลังการทดลอง มีร้อยละคะแนนเฉลี่ยของระดับพฤติกรรมการดูแลตนเองสูงกว่าก่อนการทดลอง(..%) และสูงกว่าเกณฑ์ (เกณฑ์ร้อยละ 80) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ......
3.3) ประสิทธิภาพความสำเร็จของการรักษาวัณโรคปอด
ภายหลังการทดลอง ในกลุ่มทดลองมีร้อยละความสำเร็จของการรักษาเฉลี่ย(ใส่คะแนน%...) สูงกว่าก่อนทดลอง (ใส่คะแนน%...)
โดยมีร้อยละประสิทธิภาพความสำเร็จของการรักษาเฉลี่ย เท่ากับ (%หลังทดลอง - % ก่อนทดลอง=..%)
Flow สรุป
เกณฑ์ > หลังทดลอง > (ลด?)หลังควบคุม > ก่อนทดลอง/ก่อนควบคุม
100% > 98.61% > (9.99%) 90.22% > 88.30%
4) ผลการประเมินความพึงพอใจ พบว่า
ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก : กรณีศึกษา โรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก จากกลุ่มตัวอย่าง โดยประเมินจากกลุ่มทดลองจำนวน ....ราย พบว่า ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (x=………..) และผลการประเมินที่การประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อ
กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก : กรณีศึกษา โรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก จากทีมผู้ดูแลผู้ป่วย จำนวน 6 ราย มีความพึงพอใจในระดับมาก (x=……)
สรุป จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด ส่วนงานผู้ป่วยนอกที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมทั้งในด้านเนื้อหาและกระบวนการดำเนินงานนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ (CPG), Care plan และสามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการรักษาโรคของผู้ป่วย
คำสำคัญ: ผู้ป่วยวัณโรคปอด, การดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด, กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดส่วนงานผู้ป่วยนอก
เอกสารอ้างอิง
กองวัณโรค กรมควบคุมวัณโรค. (2566).แผนยุทธศาสตร์วัณโรคระดับชาติ พ.ศ. 2566-2570. กระทรวงสาธารณสุข.
ธัญมาศ เมืองเดช, & ประจวบ แหลมหลัก. (2023). การศึกษารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดอย่างมีส่วนร่วมในชุมชนตำบลแม่ใจ อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 9(03), 47-47.
ปิยะวดี สุมาลัย. (2023). การพยาบาลผู้ป่วยวัณโรคดื้อยารุนแรงหลายขนานชนิดรุนแรงมากในสถาบันบำราศนราดูร: กรณีศึกษา. วารสารโรคเอดส์, 35(2), 60-68.
พชรพร ครองยุทธ,จักรกริช ไชยทองศรี, เจษฎา สุราวรรณ์, ปัทมา ล้อพงค์พานิชย์, & กชมน นรปติ. (2022). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 8(01), 15-15.
พิชิต แสนเสนา. (2023). การพัฒนารูปแบบการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อวัณโรคในกลุ่มผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านโดยชุมชนมีส่วนร่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจระเข้ อำเภอหนอง เรือ จังหวัดขอนแก่น. วารสารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น, 4(2), 291-291.
พิมาน ธีระรัตนสุนทร,ซัลวา สีเดะ, ฐิติยาภรณ์ คงตุก, ปาลีรัตน์ วงศ์ฤทธิ์, บุบผา รักษานาม, & อณน หมัดอารี. (2021). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัณ โรคปอดรายใหม่ โรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 4(2), 138-147.
เพ็ญจันทร์ โฮมหงษ์, น้ำฝน เสาวภาคย์ไพบูลย์, ศุภรดา ภาแสนทรัพย์ (2021). การพัฒนา รูปแบบการคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคปอดงานการพยาบาลผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลโพนพิสัย. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี, 29(1), 96-110.
วรรณา ปิยะเศวตกุล. (2021). การพยาบาลผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก: กรณีศึกษา. วารสารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น, 3(2), 269-288.
วัฒนา สว่างศรี. (2019). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 16(3), 116-129.
สมัญญา มุขอาษา. (2566). ผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพโดยการประยุกต์ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจในผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะบวกรายใหม่. วารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 30(1), 58-69. สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 2 พิษณุโลก. (2567). รายงานผลการดำเนินงานวัณโรคเขตสุขภาพที่ 2. กรมควบคุมโรค.
สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค. (2566). แนวทางการดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2566. กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค. (2567). แนวทางการดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2566. กระทรวงสาธารณสุข.
อนุพันธ์ ประจำ. (2021). การพัฒนารูปแบบการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยวัณโรคอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ, 7(1), 210-221.
อรุณรัตน์ กลิ่นฟุ้ง. (2557). ผลการให้ความรู้รายบุคคลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัณโรค. วารสารพยาบาลและสาธารณสุข สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 33(3), 10-23.
อุมาพร ครุฑศิริ. (2021). ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพต่อความรู้การรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ โรงพยาบาลบ้านโป่ง. วารสารวิจัยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต, 1(3), 24-36.
อุไร โชควรกุล. (2023). การพัฒนารูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรค อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 20(1), 42-55.
โรงพยาบาลพรหมพิราม. (2566). รายงานสรุปผลการดำเนินงานวัณโรค ประจำปี 2564-2566. โรงพยาบาลพรหมพิราม.
Aibana, O., Dauria, E., Kiriazova, T., Makarenko, O., Bachmaha, M., Rybak, N., ... & Murray, M. B. (2020). Patients’ perspectives of tuberculosis treatment challenges and barriers to treatment adherence in Ukraine: a qualitative study. BMJ open, 10(1), e032027.
Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman.
Boonda, P. (2021). Main Steps of Doing Research and Development in Public Health: An Observational Study. New Frontiers in Medicine and Medical Research, Vol. 14, 80–86. https://doi.org/10.9734/bpi/nfmmr/v14/4289F
Boonda, P. (2021). Techniques of Writing Chapter 1 for Research and Development in Public Health. New Frontiers in Medicine and Medical Research Vol. 14, 65–79. https://doi.org/10.9734/bpi/nfmmr/v14/3839F
Boonda, P. (2020). A Technique of Modeling in Public Health Research and Development. World Journal of Public Health, 5(4), 89-98. doi: 10.11648/j.wjph.20200504.13.
Boonda, P. (2019). Process of Research and Development in Public Health. International Journal of Clinical Case Studies & Reports, 2(1), 61-65.
Boonda, P. (2021). The Technique of Processes Matrixing to Summarize from the Literature Review. Copyrights: Request for information No.398059, Issued on: Nov. 8, 2021.
Boonda, P. (2021). The Technique of Phrases Matrixing to Summarize from the Literature Review. Copyrights: Request for information No.398060, Issued on: Nov. 8, 2021.
Boonda, P. (2021). Teaching in doing a research and development theme of public health administration subject. Copyrights: Request for information No.398061, Issued on: Oct. 18, 2021.
Hassani, S., Mohammadi Shahboulagi, F., Foroughan, M., Nadji, S. A., Tabarsi, P., & Ghaedamini Harouni, G. (2023). Factors Associated with Medication Adherence in Elderly Individuals with Tuberculosis: A Qualitative Study. Canadian Journal of Infectious Diseases and Medical
Herzberg, F., Mausner, B., & Snyderman, B. B. (1959). The motivation to work. John Wiley & Sons.
Parasuraman, A., Zeithaml, V. A., & Berry, L. L. (1988). A multiple-item scale for measuring consumer perceptions of service quality. Journal of Retailing, 64(1), 12-40.
Ting, L. M., Chan, R., & Weng, D. L. (2025). Impact of Health Education on the Knowledge of Tuberculosis among Sputum-Positive Pulmonary TB Patients and their Care-givers. International Journal of Infectious Diseases, 25(3), 44-51.
World Health Organization. (2023). Global Tuberculosis Report 2023. WHO
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
This journal is published under the terms of the Creative Commons Attribution 4.0 International (CC-BY-NC-ND 4.0) by Sirindhorn College of Public Health Phitsanulok, Faculty of Public Health and Allied Health Sciences, Praboromarajchanok Institute, Ministry of Public Health, Thailand


