ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้รับบริการสุขภาพแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี

บทคัดย่อ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้สถานบริการสุขภาพเอกชน มีบทบาทในระบบบริการสุขภาพไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเป็นธุรกิจบริการที่จำเป็นในเรื่องคุณภาพและระยะเวลาในการเข้ารักษา ดังนั้นความเข้าใจในการแข่งขันของตลาดบริการสุขภาพจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพบริการได้ การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้รับบริการสุขภาพแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี กลุ่มตัวอย่างคือผู้มาใช้บริการสุขภาพแผนกผู้ป่วยนอกระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม พ.ศ. 2564 สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบโควต้า จำนวน 419 คน จากแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และสถิติถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ระดับความพึงพอใจผู้รับบริการเฉลี่ย 58.68±2.41 คะแนน โดยพึงพอใจอยู่ในระดับสูง (ร้อยละ 86.9) และระดับปานกลาง (ร้อยละ 12.6) ปัจจัยด้านส่วนผสมทางการตลาด (7Ps) และปัจจัยด้านคุณภาพการบริการ สัมพันธ์เชิงบวกกับความพึงพอใจในของผู้รับบริการสุขภาพของแผนกผู้ป่วยนอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (r = 0.121, 0.087, p <0.001 ตามลำดับ) โดยปัจจัยด้านส่วนผสมทางการตลาด ได้แก่ ด้านหลักฐานทางกายภาพ (β = 0.170) ด้านผลิตภัณฑ์ (β = 0.148) และปัจจัยด้านคุณภาพการบริการด้านความน่าเชื่อถือ (β = 0.138) ด้านรูปธรรมของการบริการ (β = 0.121) ร่วมกันทำนายความพึงพอใจในการใช้บริการสุขภาพ ได้ร้อยละ 12.2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ข้อเสนอแนะต่อสถานบริการสุขภาพ คือ การยกระดับความพึงพอใจโดยเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ต่อไป