สำรวจการใช้บริการร้านยาของผู้ใช้สิทธิประกันสังคมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
คำสำคัญ:
ประกันสังคม, ร้านยาบทคัดย่อ
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนจึงมีแนวคิดในการนำร้านยา ซึ่งเป็นสถานบริการที่กระจายทั่วไปในชุมชนเข้ามาเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประกันสังคม ดังนั้น เพื่อให้มีข้อมูลสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว จึงต้องสำรวจการใช้บริการสถานพยาบาล และการใช้บริการร้านยาของ ผู้ประกันตนตามโครงการประกันสังคม ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการร้านยา และศึกษาทัศนคติของผู้ประกันตน ต่อการการเชื่อมโยงร้านยากับระบบประกันสังคม ด้วยการใช้แบบสอบถามกลุ่มผู้ประกันตนที่มีสิทธิในระบบประกันสังคมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 900 คนในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15เมษายน 2550 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ paired t-test
การศึกษาพบว่าผู้ประกันตนส่วนใหญ่ (80.5%) ไม่มีโรคประจำตัว ในช่วงเดือนสิงหาคม 2549 - มกราคม 2550 ผู้ประกันตนเกือบกึ่งหนึ่ง (44.9%) ไม่เคยไปใช้บริการของสถานพยาบาลเลย ร้อยละ 38.5 เคยไปใช้บริการ 1-2 ครั้ง ตรงกันข้ามในช่วงเวลาเดียวกันนี้ผู้ประกันตนมากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 63) ระบุว่าได้ไปใช้บริการของร้านยา โดยมีภาระค่าใช้จ่ายของการไปใช้บริการร้านยาประมาณ 100 บาทต่อครั้ง แม้ว่าผู้ประกัน-ตนส่วนใหญ่ (80.1%) จะเลือกใช้สิทธิประกันสังคมของสถานพยาบาลเอกชนซึ่งมีความเชื่อว่าให้บริการได้รวดเร็วและดีกว่าสถานพยาบาลของรัฐ แต่ยังประสบปัญหาจากการไปใช้บริการของสถานพยาบาล เช่น ผู้-ประกันตนคิดว่าตนเองได้รับบริการที่ไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ การบริการล่าช้า ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ที่เลือกมารับบริการที่ร้านยาแทนการไปใช้บริการของสถานพยาบาลให้เหตุผลว่ามีความสะดวกรวดเร็วใกล้บ้าน สะดวกในการเดินทางไปใช้บริการ เมื่อเปรียบระหว่างความพึงพอใจของผู้ประกันตนต่อการใช้บริการของสถานพยาบาลกับร้านยาของผู้ประกันตนที่มีประสบการณ์ใช้บริการของสถานบริการทั้ง 2 แห่ง พบว่ามีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (P = 0.001) ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ (91.0%) เห็นว่าการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกันตนได้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลด้วยการไปใช้บริการที่ร้านยาจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตน เป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบริการได้มากขึ้นและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันตนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะร้านยามีกระจายอยู่ทั่วไปในชุมชนต่าง ๆ แต่ผู้ประกันตนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพนั้นต้องมีระบบควบคุมเรื่องมาตรฐานการบริการของร้านยาด้วย ดังนั้น หากจะผลักดันให้โครงการนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ องค์กรวิชาชีพเภสัชกรรมที่เกี่ยวข้อง คือ สภาเภสัชกรรม และสมาคมเภสัชกรรมชุมชนแห่งประเทศไทย รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการควบคุมร้านยา ต้องสร้างระบบที่ประกันมาตรฐานการบริการของร้านยา และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกันตนและองค์กรที่เกี่ยวข้องให้ได้
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

