การประเมินรูปแบบส่งเสริมสุขภาพเด็กอ้วนในการควบคุมน้ำหนักและระดับคอลเลสเตอรอล อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

บทคัดย่อ

การศึกษากึ่งทดลอง (quasi-experimental research) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความรู้เจตคติ น้ำหนักตัวต่อส่วนสูง และระดับคอเลสเตอรอล ก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพของเด็กอ้วนในการพัฒนารูปแบบส่งเสริมสุขภาพเด็กอ้วน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เก็บรวบรวม ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามด้านความรู้ เจตคติ และแบบบันทึกน้ำหนัก ส่วนสูง และระดับคอเลสเตอรอล กับกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีภาวะอ้วนทุกคน โดยใช้วิธีคัดเลือกตามเกณฑ์ เป็นกลุ่มทดลอง 37 คน ที่เข้าร่วมกิจกรรมในการส่งเสริมสุขภาพ และกลุ่มควบคุม 37 คน ซึ่งไม่เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบระดับความรู้ เจตคติ สัดส่วนน้ำหนักตามส่วนสูงและระดับคอเลสเตอรอล ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมด้วย independent sample t-test และใช้ paired t-test สำหรับการเปรียบเทียบภายในกลุ่มก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม ส่วน chi-square และ Fisher's exact test นั้น ใช้สำหรับการเปรียบเทียบข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่า เมื่อเข้าร่วม กิจกรรมแล้ว คะแนนเฉลี่ยความรู้และเจตคติในการควบคุมน้ำหนักของเด็กอ้วน ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) โดยกลุ่มทดลองที่เข้าร่วมโปรแกรมส่ง-เสริมสุขภาพจะมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ และเจตคติในการควบคุมนำหนักสูงกว่ากลุ่มควบคุม และเมื่อศึกษาภายในแต่ละกลุ่ม พบว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และหลังเข้าร่วมกิจกรรม ภายในกลุ่มทดลอง ซึ่งเป็นกลุ่มเด็ก อ้วนที่เข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ หลังเข้าร่วมกิจกรรม จะมีความรู้ เจตคติในการควบคุมน้ำหนัก สูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p:o.001) แต่ค่าสัดส่วนน้ำหนักตามส่วนสูงและระดับคอเลสเตอรอลลดลงและมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) เช่นเดียวกันกับภายในกลุ่มควบคุม พบว่า หลังเข้าร่วมกิจกรรม เด็กอ้วนในกลุ่มควบคุม จะมีความรู้ (p<0.001)เจตกติ (pro.05) ในการควบคุมน้ำหนัก สูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม มีความแตกต่างอย่างมีนั้ยสำคัญทางสถิติและระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นเดียวกัน (p<o.001) มีความแตกต่างของค่าสัดส่วนน้ำหนักตามส่วนสูงนั้น ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นจึงควรสร้างกลวิธีในการเรียนรู้การพัฒนารูปแบบส่งเสริมสุขภาพ โดยการมีส่วนร่วมของเด็กวัยเรียน เพื่อพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาโรคอ้วนในเขตเมืองสมุทรสาครต่อไป