การศึกษาระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่จักรยานยนต์ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดนครราชสีมา

บทคัดย่อ

จากการรณรงค์ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดด้วยเครื่อง Breathalyzer และสำรวจความคิดเห็นของผู้ขับขี่จักรยานยนต์จำนวน 122 คนต่อการดื่มสุราขณะขับขี่ โดยศึกษาในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดนครราชสีมาช่วงเวลาระหว่าง 22.00-24.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม 2536 พบว่าส่วนใหญ่ (88.5%) เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนที่เหลือเป็นผู้โดยสารร้อยละ 95.9 เป็นเพศชาย ผู้ได้รับการตรวจส่วนใหญ่ (87.1%) อายุระหว่าง 15-29 ปี (ค่าเฉลี่ย = 24.96) พบมีผู้ที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 10 mg% ขึ้นไปจำนวน 46 คน (37.7%) ในจำนวนนี้มีอยู่ถึง 22 คน (18.0%) ที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าระดับมาตรฐาน (50 mg%) และพบอีกว่าปัจจัยที่มีผลต่อความแตกต่างของระดับแอลกอฮอล์ในเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.05) ได้แก่ เพศประเภทของผู้ขับขี่อายุสถานภาพประวัติการดื่มเหล้าเป็นประจำและผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตในการขับขี่ สำหรับพฤติกรรมในการขับขี่พบว่าความเร็วเฉลี่ย (ขณะที่ถนนว่าง) ในเขตเทศบาลเท่ากับ 50.1 กม. ต่อชม. และนอกเขตเทศบาล 80.2 กม. ต่อ ชม. ไม่พบมีปัจจัยที่แตกต่างกันในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือต่ำยกเว้นกลุ่มวัยรุ่น (อายุระหว่าง 15 – 19 ปี) ที่จะขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.05) ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ (52.5%) สวมหมวกกันน็อคเป็นครั้งคราวและมีอยู่ถึง 33.6% ที่ไม่เคยสวมหมวกกันน็อคเลย ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เห็นด้วยต่อการที่จะมีกฎระเบียบการสวมหมวกกันน็อค และการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดในผู้ขับขี่ แต่ทั้งนี้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้จะต้องเร่งให้มีการให้สุขศึกษาประชาสัมพันธ์แก่กลุ่มผู้ขับขี่และประชาชนทั่วไป และควรจัดให้มีการรณรงค์กวดขันจับกุม ทั้งในเรื่องการสวมหมวกกันน็อคการดื่มสุราแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์การขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการมีใบอนุญาตในการขับขี่โดยเฉพาะในกลุ่มที่เสี่ยงเช่นกลุ่มวัยรุ่นร่วมไปกับการศึกษาปัจจัยร่วมต่างๆของการเกิดอุบัติเหตุเป็นระยะ ๆ อย่างครอบคลุมและสม่ำเสมอ จะช่วยให้ทราบสภาพปัญหาและวางแนวทางแก้ไขได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น