การตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีวิเคราะห์ความแรง Monoclonal Antibody ชนิด Rituximab โดยเทคนิค Complement Dependent Cytotoxicity

ผู้แต่ง

  • จิรเดช ปัจฉิม สถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

คำสำคัญ:

วิธี complement dependent cytotoxicity, ตรวจสอบความใช้ได้ของวิธ, ความแรง, ยา Rituximab

บทคัดย่อ

Monoclonal antibody ชนิด rituximab ใช้รักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด non-Hodgkin และโรคอื่นๆ ปัจจุบันยังไม่มีข้อกำหนดเฉพาะ (monograph) ในตำรายาสากล และผู้ผลิตใช้วิธีวิเคราะห์ความแรงที่แตกต่างกัน ผู้วิจัยจึงได้พัฒนาวิธีการตรวจความแรงของยาที่สามารถตรวจยาจากหลายผู้ผลิต โดยเลือกใช้เทคนิค complement dependent cytotoxicity ที่อาศัยหลักการเกิดปฏิกิริยาของยากับเซลล์ WIL2-S ที่ผิวเซลล์มีแอนติเจนชนิด CD-20 เมื่อเติมซีรั่ม complement จะส่งผลให้เซลล์หยุดการเจริญเติบโตและตาย (cytotoxicity) แล้วคำนวณหาค่าความแรง สัมพัทธ์ของยาเทียบกับยาอ้างอิงด้วยสมการ 4-parameter logistic เมื่อทดสอบความใช้ได้ของวิธี พบว่าเฉพาะ rituximab เท่านั้นที่ทำให้เซลล์ WIL2-S เกิด cytotoxicity ตามความเข้มข้นของยา มีค่าร้อยละการคืนกลับอยู่ในเกณฑ์ ร้อยละ 80.0-125.0 ค่าร้อยละสัมประสิทธิ์ ความแปรปรวนเรขาคณิต (%GCV) ของการทำซ้ำและต่างนักวิเคราะห์ เท่ากับ 8.2 และ 5.8 ความเป็นเส้นตรงและช่วงการทดสอบความแรงอยู่ที่ร้อยละ 50.0-150.0 มีค่าสัมประสิทธิ์ การ ตัดสินใจเท่ากับ 0.998 และเมื่อเปลี่ยน passage number ของเซลล์ เวลาในการบ่ม จำนวนเซลล์ และเครื่องมือวัด พบว่าทุกการทดสอบมีค่า %GCV น้อยกว่า 25.0 และเมื่อนำวิธีมาตรวจตัวอย่าง rituximab จำนวน 5 ยี่ห้อ พบว่าให้ ค่าความแรงไม่ต่างจากวิธีของผู้ผลิต จึงสรุปได้ว่าวิธีนี้มีความเหมาะสมในการนำมาใช้เป็นวิธีมาตรฐานเพื่อการควบคุม คุณภาพความแรงยา rituximab ของหน่วยงาน

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-02-23

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ

บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุดจากผู้แต่งเรื่องนี้