ความชุกของเชื้อ Carbapenem Resistant Enterobacteriaceae ในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ระหว่าง ปี พ.ศ. 2559–2563

ผู้แต่ง

  • นิจติยา สุวรรณสม คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • เฉลิมชัย บุญเลา กลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
  • ยุพา ศรีวิราช คณะแพทย์ตะวันออก วิทยาลัยเชียงราย
  • กิตติทัต ทานท่า คณะแพทย์ตะวันออก วิทยาลัยเชียงราย
  • เอกชัย เครือแก่นแก้ว คณะแพทย์ตะวันออก วิทยาลัยเชียงราย
  • จุฑามาศ เทพมาลี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • กฤษณะ คู่เทียม คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเย

คำสำคัญ:

เชื้อ carbapenem-resistant enterobacteriaceae, ยา carbapenems, ยีนดื้อยา

บทคัดย่อ

การเพิ่มขึ้นของกลุ่มเชื้อ Carbapenem-resistant Enterobacteriaceae (CRE) จัดเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุข ทั่วโลก ซึ่งการดื้อยาของเชื้อ CRE เกิดจากการสร้างเอนไซม์ Carbapenemase ที่กำหนดโดยยีนที่อยู่บนโครโมโซม หรือส่วนพันธุกรรมของแบคทีเรียทีสามารถเคลื่อน เช่น พลาสมิด ทำให้การถ่ายทอดยีนดื้อยาระหว่างเชื้อเกิดขึ้นอย่าง แพร่หลายและเป็นวงกว้าง การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาย้อนหลังเชิงพรรณา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาความชุก และรูปแบบยีนดื้อยาของเชื้อ CRE ที่แยกจากสิ่งส่งตรวจของผู้ป่ วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึง 2563 ผลการศึกษาพบเชื้อ Enterobacteriaceae จำนวนทั้งหมด 14,410 ไอโซเลต โดยพบเป็นเชื้อ CRE จำนวน 859 ไอโซเลต พบว่า ความชุกของเชื้อ CRE ในปี พ.ศ. 2559 ถึง 2563 มีแนวโน้มสูง ขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือร้อยละ 4.01 4.22 6.36 6.64 และ 8.86 ตามลำดับ พบการติดเชื้อ CRE มากที่สุดในกลุ่ม ผู้ป่ วยชายและสิ่งส่งตรวจที่พบเชื้อ CRE มากที่สุดคือปัสสาวะ รองลงมาคือ เสมหะ เลือดและหนอง ตามลำดับ จาก ผลการศึกษาพบการติดเชื้อ CRE มากที่สุดในแผนกอายุรกรรม เชื้อ K. pneumoniae เป็น CRE มากที่สุด รองลงมา คือ E. coli และ E. cloacae ตามลำดับ จากผลการตรวจหายีนที่ควบคุมการสร้างเอนไซม์ Carbapenemase ในเชื้อ CRE จำนวน 130 ไอโซเลต พบยีน blaNDM-1 blaOXA และ blaIMP ร้อยละ 73.08, 2.31 และ 1.54 ตามลำดับ ในขณะที่ตรวจพบยีนดื้อยา 2 ชนิดร่วมกัน ได้แก่ยีน blaNDM-1 และ blaOXA ร้อยละ 19.23 เป็นที่น่าสังเกตว่า ตรวจพบยีน blaNDM-1, blaOXA, blaIMP, blaKPC และ blaVIM ร่วมกันในเชื้อ CRE จำนวน 3 ไอโซเลต คิดเป็น ร้อยละ 3.85 จากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการติดเชื้อดื้อยาที่พบในโรงพยาบาลนับเป็นปัญหาสำคัญที่เพิ่ม ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้ องกันควบคุมเพื่อลดปัญหาการติดเชื้อและลดการแพร่กระจาย ของเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-29

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ