การพัฒนาชุดทดสอบสารหนู ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร
คำสำคัญ:
สารหนู, ชุดทดสอบสำเร็จรูป, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบทคัดย่อ
โลหะสารหนู มีพิษร้ายแรงต่อสุขภาพ อาจแพร่จากสิ่งแวดล้อม เข้าสู่วงจรลูกโซ่อาหาร และปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งโดยไม่ตั้งใจ หรือประสงค์ใส่ในผลิตภัณฑ์ จึงมีการประดิษฐ์ชุดทดสอบอย่างง่ายเพื่อเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัย อุปกรณ์ราคาแพง ชุดทดสอบสารหนูในผลิตภัณฑ์สมุนไพรนี้ ได้พัฒนาขึ้นโดยอาศัยหลักการของกัทไซท์ (Gutzeit method) คือ การตรวจวัดก๊าซอาร์ซีน ที่เกิดขึ้นจากการทำปฏิกิริยากับ สารซิลเวอร์ ไนเตรท ให้สารมีสีซึ่งใช้เปรียบเทียบกับแถบสีมาตรฐานของชุดทดสอบ ค่าต่ำสุดของชุดทดสอบสารหนูที่สามารถตรวจได้คือ 0.4 ส่วนในล้านส่วนต่อน้ำหนักของตัวอย่าง ซึ่งต่ำกว่าค่าสูงสุด 4 ส่วนในล้านส่วนของสารหนูที่กำหนดตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ชุดทดสอบสารหนูผ่านการทดสอบประสิทธิภาพของชุดทดสอบเทียบกับวิธีมาตรฐานคือ เทคนิคอะตอมมิค แอบซอบชั่น สเปคโตรเมทรี มีการประเมินประสิทธิภาพของชุดทดสอบ โดยการตรวจวิเคราะห์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจำนวน 124 ตัวอย่าง ในกลุ่มเครือ ข่ายห้องปฏิบัติการ และกลุ่มผู้ประกอบการสมุนไพร ในพื้นที่จำนวน 17 แห่ง ผลการทดสอบได้ค่าความไวความจำเพาะ และความถูกต้องของวิธี ร้อยละ 85.71, 86.46, และ 86.29 ตามลำดับ เมื่อประเมินความพึงพอใจในการใช้ชุดทดสอบ พบว่าผู้ใช้เห็นประโยชน์ของการใช้ชุดทดสอบมากถึงร้อยละ 80.95 และปานกลางร้อยละ 19.05 ส่วนการใช้ความสะดวก องค์ประกอบ และบรรจุภัณฑ์ พบว่าผู้ใช้มีความพอใจสูงมาก ร้อยละ 51.52 มีความพอใจปานกลางร้อยละ 25.76 และมีความพอใจน้อยร้อยละ 22.72 สำหรับคู่มือและวิธีการใช้ พบว่าร้อยละ 56.6 มีความพอใจสูงมาก ร้อยละ 37.72 ในระดับปานกลางและร้อยละ 5.68 มีความพอใจน้อย ในการฝึกปฏิบัติสามารถใช้ทดสอบได้ง่าย ใช้เวลาทดสอบน้อย คือไม่เกิน 10 นาที ต่อการทดสอบหนึ่งครั้ง ชุดทดสอบที่พัฒนาขึ้น สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเฝ้าระวังและควบคุม คุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งในกลุ่มผู้ผลิต และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น แพทย์แผนไทย เภสัชกรแผนไทย หมอแผนไทย และกลุ่มแม่บ้านแผนไทย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและเอกชน
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

