ปัจจัยเสี่ยง และการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น: โรงพยาบาลมะการักษ์ จ.กาญจนบุรี
คำสำคัญ:
ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น, ปัจจัยเสี่ยง, การวินิจฉัย, ผลการรักษา, การกำจัดเชื้อ Hpylorบทคัดย่อ
การศึกษาย้อนหลังเชิงพรรณนาและเชิงวิเคราะห์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงและการรักษาผู้ป่วย ที่มีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น และได้รับการวินิจฉัยด้วยกล้องส่องตรวจทางเดินอาหารส่วน ต้นในโรงพยาบาลมะการักษ์ระหว่างเดือนตุลาคม 2544 ถึงกันยายน 2548 จำนวน 354 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 56.90 ปี อัตราส่วนชายต่อหญิง 2.28:1 จากข้อมูลเวชระเบียนวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติทดสอบคือ การทดสอบค่าที และการทดสอบไคสแควร์ พบมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ การใช้ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) ร้อยละ 33.89 และการดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 26.55 ตรวจพบพยาธิสภาพที่สำคัญคือ แผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น (แผลเปปติก) ร้อยละ 48.87การอักเสบของกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น ร้อยละ 32.20 และเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร ร้อยละ 12.71 เมื่อเปรียบเทียบผลการรักษาผู้ป่วยแผลเปปติกร่วมกับภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น (UGIB) ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการตรวจหาเชื้อ H. pylori กับกลุ่มที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ H. pylori จำนวน 148 คน ถ้าผลการตรวจหาเชื้อ Hpylori เป็นบวกให้การรักษาด้วย Triple therapy (omeprazole + amoxicillin + metronidazole) หากผลการตรวจหาเชื้อ H.pylori เป็นลบ ให้การรักษา ด้วย omeprazole (PP) กลุ่มที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ H,pylori ให้การรักษาด้วย omeprazole โดยติดตามผลการรักษาภายหลังการวินิจฉัยด้วยกล้องส่องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น เป็นเวลา 2-6 ปี พบว่ากลุ่มที่ได้ตรวจหาเชื้อ H. pylori ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ทำให้พบอัตราการมีเลือดออกซ้ำและระยะเวลาของการมีอาการของโรคกระเพาะอาหาร (dyspepsia) ภายหลังการรักษาน้อยกว่ากลุ่มซึ่งไม่ได้รับการตรวจหา H. pylori นอกจากนี้ ยังพบอุบัติการของการติดเชื้อแผลในลำไส้เล็กส่วนตัน (DU) ถึง ร้อยละ 72.2 แผลในกระเพาะอาหาร (GU) ร้อยละ 54.0 ดังนั้น การรักษาผู้ป่วยแผลเปปติกร่วมกับภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น ต้องคำนึงถึงการติดเชื้อ H. pylori ด้วย จึงสามารถรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2019 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

