การประเมินประสิทธิผลของมาตรการควบคุม โรคโดยไม่ใช้เภสัชภัณฑ์ ขณะเกิดการระบาด ของโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง จังหวัดลำพูน เดือนพฤศจิกายน 2550
คำสำคัญ:
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ, ปิดโรงเรียน, แยกผู้ป่วย, มาตรการควบคุมโรค, ประสิทธิผลบทคัดย่อ
ในเดือนพฤศจิกายน 2550 เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ทีมสอบสวนโรคจึงได้ศึกษาลักษณะการระบาด ประเมินประสิทธิผลของการปิดโรงเรียนรวมทั้งมาตรการควบคุมและป้องกันโรคโดยไม่ใช้เภสัชภัณฑ์ และประเมินศักยภาพของทีมสอบสวนโรคในพื้นที่ โดยการ ค้นหาผู้ป่วยในโรงเรียนเพิ่มเติม ทบทวนเวชระเบียนและรายงานสอบสวนโรค โดยมีนิยามผู้ป่วยสงสัย คือ นักเรียน ที่มีอาการไข้ ร่วมกับอาการเจ็บคอ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ หรืออาเจียน อย่างน้อยหนึ่งอาการ และนิยามผู้ป่วยยืนยัน คือ ผู้ป่วยสงสัยที่มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ผลบวกต่อไวรัสไข้หวัดใหญ่อย่างน้อยหนึ่งวิธี นอกจากนี้ ยังได้คำนวณค่า Basic reproductive number (R0)และพยากรณ์สถานการณ์การระบาดในกรณีที่ปราศจากมาตรการควบคุมโรค อีกทั้งประเมินประสิทธิผลของมาตรการที่ดำเนินการ ซึ่งผลการศึกษาพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่สงสัยจำนวน 109 ราย คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 45.6 ค่ามัธยฐานของอายุผู้ป่วย คือ 10 ปี โดยห้องเรียนที่พบผู้ป่วยรายแรกมีอัตราป่วยสูงสุด (68.8%) และมีอัตราป่วยระลอกสองในครัวเรือนร้อยละ 12.0 สำหรับค่า R0 ของการระบาดครั้งนี้ คือ 3.4 จากการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันโรคโดยใช้มาตรการแบบ Non-pharmaceutical interventions ได้แก่ การแจกหน้ากากป้องกันเชื้อ การให้สุขศึกษาเรื่องการล้างมือ การแยกนักเรียนป่วยโดยให้พักอยู่ที่บ้าน ตลอดจนการ ปิดโรงเรียนเป็นระยะเวลา 7 วัน ส่งผลให้สามารถจำกัดขอบเขตของการระบาดไว้ในโรงเรียน และไม่พบการระบาดต่อเนื่องในวงกร้าง นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้โรงเรียนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ อีกทั้งการเตรียมความพร้อมของทีมสอบสวนโรคมีความสำคัญต่อการควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในอนาคต
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

