การประเมินความเสี่ยงด้านเสียงจากการประกอบอาชีพ: กรณีศึกษา โรงงานผลิต มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • อุมารัตน์ ศิริจรูญวงศ์ สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
  • นุจฉรีย์ แซ่จิว สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
  • รังสิยา โพธิ์ทอง สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

คำสำคัญ:

ประเมินความเสี่ยงด้านเสี่ยง, โรงงานผลิตมอเตอร์คอมเพรสเซอร์, กรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

การศึกษาภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านเสียงของพนักงานในโรงงานผลิตมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ โดยวิธีการศึกษาแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรก สำรวจข้อมูลเบื้องต้น เพื่อจำแนกลักษณะงานที่สัมผัสเสียงและมีแหล่งกำเนิดเสียงคล้ายคลึงกัน ส่วนที่สอง ตรวจวัดระดับความดังเสียงในพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อประเมินการสัมผัส ส่วนที่สาม ศึกษาข้อมูลทุดิยภูมิคือ รายงานผลตรวจสุขภาพประจำปี 2552 และบันทึกประวัติพนักงานจากฝ่ายบุคคล เพื่อศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนที่สี่ นำผลตรวจวัดความ ดังเสียงมาจัดระดับการสัมผัส และนำผลตรวจสมรรถภาพการได้ยนมาจัดระดับผลต่อสุขภาพหู โดยเปรียบเทียบกับมาตรฐาน OSHA/NIOSH/ACGIH และมาตรฐาน ANSINIOSH ตามลำดับ จากนั้นจึงนำมาประเมินขนาดความเสี่ยงเชิงคุณภาพและจัดลำดับกลุ่มเสี่ยง การศึกษาพบว่า จำแนกลักษณะงานผลิตมอเตอร์และฝาครอบมอเตอร์ที่สัมผัสเสียงและมีแหล่งกำเนิดเสียงคล้ายคลึงกันได้ 10 กลุ่ม ผลการประเมินความเสี่ยงด้านเสียง พบว่า 4 ลักษณะงานได้แก่ งานเป๋าไล่น้ำออกจากชิ้นงาน งานเจาะ เจียรเพลาข้อเหวี่ยงด้วยเครื่องอัตโนมัติ งานเกลาทำร่องเกลียว และงานเจียรลบคม พนักงานในแต่ละกลุ่มมีความเสี่ยงอยู่ในระดับเดียวกันคือ ความเสี่ยงเล็กน้อย และอีก 6 ลักษณะงาน ได้แก่ งานเป่าไล่เศษเหล็กออกจากชิ้นงาน งานปั้มขึ้นรูปฝาครอบขนาดใหญ่ งานปั๊มขึ้นรูปฝาครอบขนาดเล็ก งานเชื่อมหูและอุดท่อทองแดงด้วยมือ งานตัดแผ่นเหล็ก และงานเจาะรูตามแบบ พนักงานในแต่ละกลุ่มมีความเสี่ยงอยู่ในระดับแตกต่างกัน คือ ความเสี่ยงเล็กน้อย ต่ำ ปานกลาง และสูง แสดงว่ามาตรการการป้องกันการ สูญเสียการ ได้ยินที่มีอยู่มีประสิทธิภาพระดับหนึ่งแต่อาจไม่เพียงพอสำหรับพนักงานที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ต่ำ (5.2 %)ปานกลาง (8.3 %) และสูง (1.0 %6) ควรมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น การสื่อสารความเสี่ยง การอบรมการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ถูกต้อง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการโยนชื่นงาน การหาวัสดุซับเสียงมากั่นไม่ให้ชิ้นงานกระทบกับรางลำเลียง การปรับตั้งแรงค้นของปืนลมให้พอเหมาะกับลักษณะงาน

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-01-10

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ