การเปรียบเทียบการตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ เลปโตสไปรา ด้วยวิธี Immlunoperoxidase (IIP) และวิธี Immunofluorescence (IFA) เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซิส
คำสำคัญ:
เลปโตสไปโรซิส, อิมมูโนฟลูออเรสเซนต์, อิมมูโนเพอร์ออกซิเดสบทคัดย่อ
การเปรียบเทียบการตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อเลปโตสไปราด้วยวิธีอิมมูโนฟลูออเรสเซนต์ (IFA) กับวิธี อิมมโนเพอร์ออกซิเดส (IP) จากตัวอย่างซีรัมที่ได้จากผู้ป่วยเลปโตสไปโรซิส 27 ตัวอย่าง ตัวอย่างซีรัมควบคุมผลลบ 43 ตัวอย่าง จำแนกเป็นผู้มีสุขภาพดี 10 ตัวอย่าง ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค 20 ตัวอย่างและผู้ป่วยด้วยโรคอื่น ๆ 13 ตัวอย่าง พบว่าทังสองวิธีสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (K = 0.97, P < 0.05) เมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบระหว่างสองวิธีในกลุ่มตัวอย่างผลบวก พบว่าวิธี !IP ให้ผลบวกในระดับไตเตอร์สูงกว่าวิธี IFA ร้อยละ 57.2 (16/28) ในระดับเท่ากัน ร้อยละ 32.1 (9/28) และให้ผลบวกในระดับต่ำกว่า IFA ร้อยละ 10.7 (3/28) โดยมีผลบวกปลอม 2 ตัวอย่าง จากตัวอย่างผู้ป่วยโรคซิฟิลิส และผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่การระบาด อย่างไรก็ตาม การศึกษานำร่องนี้เพียงแต่แสดงถึงความเป็นไปได้ที่จะนำวิธีอิมมูโนเพอร์ออกซิเดสมาใช้แทนวิธีอิมมูโนฟลูออเรสเซนต์ เพราะมีข้อดีเหนือกว่าคือใช้กล้องจุลทรรศน์ธรรมดาในการอ่านผลและการประยุกต์ใช้ในภาคสนาม ทั้งนี้ต้องเพิ่มจำนวนกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา จึงจะสรุป ประสิทธิภาพของวิธี TIP ในการตรวจวินิจฉัยโรคแลปโตสไปโรซิสได้
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

