ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน: สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศในการรับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่

บทคัดย่อ

ในปัจจุบันสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีมีความซับซ้อนมากขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำหรับระบบสาธารณสุขซึ่งมีพัฒนาการทางการดูแลรักษาโรคและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข ต้องมีการสร้างความร่วมมือในระดับองค์กรขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการสรรหาทรัพยากรที่เพียงพอและตอบ-สนองให้เกิดการเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพ ด้วยเหตุนี้การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน จึงเข้ามามีบทบาทในระบบสาธารณสุขของประเทศ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงคุณประโยชน์ของความ ร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่ดำเนินการในระบบสาธารณสุขว่าสามารถสนับสนุนให้เกิดการเตรียมความพร้อมรับมือกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทยในอนาคตอย่างไร โดยใช้กรณีศึกษามูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัดใหญ่ การศึกษานี้ใช้วิธีการวิจัยผสมในการสำรวจการดำเนินกิจกรรมและผลของความร่วมมือดังกล่าว ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ผลการศึกษาพบว่า มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพร้อมด้านสุขภาพของประชาชนสำหรับการเตรียมความพร้อมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักของ มูลนิธิฯ โดยเน้นการให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงสาธารณะชนทั่วไป ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของชาติในการเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดของโรคติดต่อต่าง ๆ เป็นการเพิ่ม ขีดความสามารถในการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จากการประเมินประสิทธิผลของโครงการพบว่า มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความ ต้องการของการเตรียมความพร้อมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ แต่ยังสามารถส่งเสริมให้เกิดการเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุขในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติช้ำต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดการระบาดขึ้นในอนาคต ดังนั้น แนวคิดของความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนนี้จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในขณะที่ประเทศเผชิญ กับภัยคุกคามของโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่ส่งผลต่อความมั่นคงแห่งชาติ