การพัฒนากระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดในผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรงพยาบาลวาปีปทุม
คำสำคัญ:
โปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอด, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังบทคัดย่อ
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเป็นปัญหาสำคัญ เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย ทำให้ความทนทานในการทำกิจวัตรประจำวันลดลง ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตลดลง การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดเป็นวิธีที่ช่วยลดอาการหอบเหนื่อย เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของระบบหายใจ จึงน่าจะมีผลช่วยเพิ่มความทนทานในการทำกิจวัตรประจำวัน และเพิ่ม คุณภาพชีวิตได้ในที่สุด การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงผลของโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดที่มีต่อความทนทานในการออกกำลังกาย คุณภาพชีวิตและความพึงพอใจในการออกกำลังกายด้วยวิธี chest mobilization ร่วมกับการใช้ยางยึดบริหารทรวงอกในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 152 คน เป็นเพศชายจำนวน 112 คน และเพศหญิงจำนวน 40 คน อายุเฉลี่ย 68.7 ปี ผู้ป่วยทุกคนจะได้รับโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอด 20-30 นาที/ครั้งทำทุกวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ โปรแกรมประกอบด้วยการให้สุขศึกษาเกี่ยวกับภาวะโรค ความรุนแรงของโรคและ การดูแลตนเอง การฝึกการหายใจด้วยวิธี deep breathing exercise, pursed lip breathing, effective cough ฝึก chest mobilization ร่วมกับการใช้ยางยึดบริหารทรวงอก ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอด ผู้ป่วยได้รับการวัดค่าความสามารถในการเดินเป็นเวลา 6 นาที (6 MWT) ประเมินคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย การหายใจลำบาก (MMRC) ดัชนีชี้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย (CAT score) และประเมินความพึงพอใจต่อการออกกำลังกายผลการศึกษาพบว่าความสามารถในการเดินเป็นเวลา 6 นาที เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ค่าคะแนนการหายใจลำบาก (MMRC) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ค่าดัชนีชี้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย (CAT score)ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) และผู้ป่วยมีความพึงพอใจต่อการออกกำลังกายด้วยวิธี chest mobilization ร่วมกับการใช้ยางยืดบริหารทรวงอกมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 89.5 จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า โปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดสามารถช่วยลดอาการหอบเหนื่อย เพิ่มความทนทานในการออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้ และผู้ป่วยมีความพึงพอใจต่อโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยวิธี chest mobilization ร่วมกับการใช้ยางยึดบริหารทรวงอกในระดับมากที่สุด
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

