การตีตราและการเลือกปฏิบัติที่มีต่อผู้เสพยาเสพติด ของกลุ่มประชาชนในชุมชน กลุ่มผู้ให้บริการภาครัฐ กลุ่มผู้เสพยาบ้าและครอบครัว: กรณีศึกษา อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท
คำสำคัญ:
การตีตรา, การเลือกปฏิบัติ, ผู้เสพยาบ้าบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตีตราและการเลือกปฏิบัติที่มีต่อผู้เสพยาเสพติดของกลุ่มประชาชนในชุมชน ผู้ให้บริการภาครัฐ ผู้เสพยาบ้าและครอบครัว เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง มีกลุ่มตัวอย่าง ทั้งหมดจำนวน 950 คน เป็นประชาชนในชุมชนใช้วิธีสุ่มกลุ่มตัวอย่างอย่างง่าย จำนวน 396 คน ผู้ให้บริการภาครัฐ (สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง) จำนวน 328 คน ผู้เสพยาบ้า(สุ่มตัวอย่างอย่างมีระบบ) และครอบครัว (สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง) จำนวน 113 ราย/ครอบครัว กลุ่มตัวอย่างมีอายุระหว่าง 18-65 ปี เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเก็บข้อมูลในเดือนมกราคม-มีนาคม 2559 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและ 1-test ผลการวิจัยพบว่า ผู้ให้บริการภาครัฐที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายมีการตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อผู้เสพยาบ้ามากกว่ากลุ่มอื่น เมื่อเปรียบเทียบการตีตราและการเลือกปฏิบัติที่มีต่อผู้เสพยาบ้ากับเพศ (1) พบว่าประชาชนในชุมชนที่เป็นเพศหญิงมีการตีตราและเลือกปฏิบัติมากกว่าเพศชาย และผู้เสพยาบ้าที่เป็นเพศชายมีการตีตราและการเลือกปฏิบัติมากกว่าเพศหญิงอย่างมีนัยสำคัญ (2) อายุ พบว่าอายุที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อการตีตราและการเลือกปฏิบัติ (3) ระดับการศึกษา พบว่า ครอบครัวผู้เสพยาบ้าที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือสูงกว่ามีการตีตราและเลือกปฏิบัติมากกว่าผู้ที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษา อย่างมีนัยสำคัญ และ (4) พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่พบว่าประชาชนในชุมชนที่ไม่สูบบุหรี่มีการตีตราและการเลือกปฏิบัติมากกว่าประชาชนในชุมชนผู้ที่สูบบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญโดยสรุปปัจจัยด้านเพศ และระดับการศึกษามีผลต่อการตีตราและการเลือกปฏิบัติที่มีต่อผู้เสพยาบ้า ข้อเสนอแนะ ผู้บังคับใช้กฎหมายยังมีการตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อผู้เสพยาเสพติด ควรส่งเสริมทัศนคติในเชิงบวกให้มากขึ้นเพื่อลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อผู้เสพยา ควรเสริมสร้างสัมพันธภาพ สร้างแรงจูงใจที่ดี ส่งเสริมการเข้าถึงบริการในการบำบัดรักษา ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ผู้เสพยาเสพติดและครอบครัวได้มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.