การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลในการดูแล ผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต ระดับรุนแรง ณ แผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ

ผู้แต่ง

  • อนุศร การะเกษ โรงพยาบาลราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
  • วรรณชาติ ตาเลิศ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

คำสำคัญ:

ภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต, แนวปฏิบัติทางการพยาบาล

บทคัดย่อ

ภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิตถือเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกและก่อให้เกิดการทำลายของอวัยวะสำคัญของร่างกายเพิ่มโอกาสของความพิการและการเสียชีวิตสูง การประยุกต์แนวทางการดูแลที่เหมาะสมและการประเมินให้การรักษาพยาบาลที่รวดเร็วจะช่วยลดการทำลายของอวัยวะสำคัญของร่างกาย ลดโอกาสเกิดความพิการและการเสียชีวิตลดลงได้การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi experimental research) ชนิด 1 กลุ่ม วัดก่อนและหลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาและศึกษาผลลัพธ์ของแนวปฏิบัติทางการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิตระดับรุนแรง ณ แผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ โดยใช้รูปแบบการพัฒนาหลักฐานเชิงประจักษ์ ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ (1) การค้นหาปัญหาทางคลินิก (2) การสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์ (3) การนำแนวปฏิบัติไปทดลองใช้ และ (4) การนำแนวปฏิบัติที่ปรับปรุงแล้วใช้จริงในหน่วยงาน เก็บรวบรวมข้อมูลในพยาบาลวิชาชีพและเจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน จำนวน 12 คน และผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิตระดับรุนแรงที่เข้ารักษาในแผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราษีไศล ระหว่างเดือนสิงหาคม พ.ศ.2557 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ.2558 จำนวน 44 คน เปรียบเทียบผลลัพธ์ด้านกระบวนการรักษาก่อนและหลังใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลโดยใช้สถิติ paired t-test กำหนดระดับการมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p<0.05 ผลการศึกษาผลลัพธ์ด้านกระบวนการรักษาตามแนวปฏิบัติทางการพยาบาล พบว่า พยาบาลสามารถประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิตโดยใช้ SIRs criteria score และรายงานแพทย์ภายใน 5 นาที เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 54.5 กลุ่มตัวอย่างได้รับการส่งตรวจเพาะเชื้อในโลหิต ภายใน 45 นาที ก่อนให้ยาต้านจุลชีพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (pro.001)จากร้อยละ 22.7 เป็นร้อยละ 100.0 ได้รับสารน้ำทดแทนอย่างเพียงพอมีค่าเฉลี่ยความดันโลหิตเพิ่มสูงกว่า 65 มิลลิเมตรปรอทและได้รับยาต้านจุลชีพภายใน 1 ชั่วโมง สูงขึ้นกว่าก่อนการพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) โดยระยะเวลาเฉลี่ย 33.8 นาที (SDt8.8, Min = 15 นาที, Max = 50 นาที) ด้านความ พึงพอใจและความคิดเห็นถึงความเหมาะสมในการใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลพบว่าอยู่ในระดับมากร้อยละ 91.6 (95%CI=61.5-99.7) แนวปฏิบัติทางการพยาบาลนี้สามารถนำมาใช้ในการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิตได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มคุณภาพด้านการดูแลในประเด็นการให้ยาปฏิชีวนะภายใน 1 ชั่วโมงและแก้ไขภาวะวิกฤติได้อย่างเหมาะสม

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-08-24

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ

บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุดจากผู้แต่งเรื่องนี้