การประเมินผลการส่งต่อผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังไปรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • ยงยศ ธรรมวุฒิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี
  • สุวัฒน์ กิตติดิลกกุล สำนักตรวจและประเมินผล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
  • สมพร เนติรัฐกร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม
  • อัจฉรา เนตรศิริ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

คำสำคัญ:

การประเมินผล, การส่งต่อ, โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลลัพธ์ทางสุขภาพ เปรียบเทียบพฤติกรรม สุขภาพ และความพึงพอใจที่มีต่อการให้บริการ ก่อนและหลังการส่งต่อผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื่อรังไปรักษาพยาบาล ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ตลอดจนผลดีและผลเสียจากการส่งต่อผู้ป่วย โดยใช้วิธีการศึกษาทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาเชิงปริมาณ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการรักษาพยาบาลใน รพ.สต. จำนวน 453 คน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงที่ส่งตัวมารับบริการใน รพ.สต. กลุ่มละ 1,580 คน ส่วนการศึกษาเชิงคุณภาพ ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 100 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ผู้ปิบัติงาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง และผู้เกี่ยวข้อง เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินคือ แบบสอบถามแบบบันทึกการรักษาพยาบาล และแบบแนวทางการสัมภาษณ์เจาะลึก เก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนตุลาคม 2556 - มีนาคม 2557 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และ Paired I-test วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า ในการประเมินบริบท เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.0เห็นด้วยต่อนโยบายการส่งต่อผู้ป่วยไม่ติดต่อเรื้อรังไปรับการรักษาพยาบาลที่ รพ.สต. โดยเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีผู้ป่วยจะได้รับการบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ไม่ต้องเดินทางไกล หรือต้องคอยเป็นเวลานาน ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและลดความแออัดของโรงพยาบาล ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิต ร้อยละ 54.7 และ 52.5 มีความเชื่อมั่นต่อการรักษาพยาบาลในระดับปานกลาง ในเรื่องปัจจัยนำเข้า พบว่า มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความ-ดันโลหิตสูง และทั้งสองโรคดังกล่าว โดยเฉลี่ย 40.6, 131.4 และ 42.5 คนต่อ รพ.สต. ตามลำดับ รพ.สต. ร้อยละ 77.9 มีความพร้อมของยา อุปกรณ์ และเครื่องมือรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีพยาบาลวิชาชีพเป็นผู้รักษาพยาบาล ร้อยละ 82.1 มีและใช้แนวทางการรักษาพยาบาล ร้อยละ 97.4 และ 98.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ร้อยละ 45.9และ 57.4 มีความรู้ในการรักษาโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ในระดับต่ำ ในเรื่องกระบวนการ พบว่า ร้อยละ 79.7 มีการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่ รพ.สต. ด้วยใบส่งต่อผู้ป่วย มีการให้บริการรักษาพยาบาลในกิจกรรมต่าง ๆในระดับมาก ร้อยละ 81.5 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมีส่วนร่วมในการรักษาพยาบาลกับ รพ.สต. ในระดับปานกลาง ร้อยละ 57.2 ในส่วนผลการดำเนินการ พบว่า เจ้าหน้าที่ รพ.สต. มีความพึงพอใจต่อการให้บริการรักษาพยาบาลในระดับปานกลาง ร้อยละ 56.5 ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงก่อนการส่งต่อ ร้อยละ 67.8 และ 66.6 มีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อส่งต่อมารับบริการที่ รพ.สต. ร้อยละ 79.7 และ 80.2 มีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ก่อนการส่งต่อมีระดับน้ำตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ ร้อยละ 63.8 และ 53.7 แต่หลังการส่งต่อ อยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ลดลงเหลือร้อยละ 54.0 และ 46.1 ตามลำดับ มีความพึงพอใจต่อการรับบริการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลในระดับปานกลาง ร้อยละ 47.7และ 45.5 ส่วนที่ รพ.สต. มีความพึงพอใจในระดับมาก ร้อยละ 76.8 และ 75.3 ตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ที่ส่งต่อมารักษาที่ รพ.สต. มีพฤติกรรมสุขภาพ และความพึงพอใจต่อการรับบริการที่ รพ.สต. ดีกว่าเมื่อรักษาที่โรงพยาบาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ผลดีจากการส่งต่อผู้ป่วย พบว่า ร้อยละ 94.5, 85.2, 78.1 และ 53.6 มีความสะดวกต่อผู้รับบริการ ประหยัดค่าใช้จ่าย ได้รับการดูแลใกล้ชิด และเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีในการรักษาพยาบาลที่ รพ.สต. ตามลำดับ ผลเสีย คือ ร้อยละ 20.8 ทำให้ภาระงานที่รพ.สต.เพิ่มขึ้น

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-11-14

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ