ผลการฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำ ต่อความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจและความดันโลหิต ของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ที่ขึ้นฝึกประสบการณ์บนหอผู้ป่วยในครั้งแรก

ผู้แต่ง

  • จันทิมา ครุธดิลกานันท์ ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช

คำสำคัญ:

การฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำ, นักศึกษาพยาบาลศาสตร์, ความเครียด, อัตราการหายใจ, อัตราการเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการทำสมาธิโดยใช้การนับลูกประคำต่อความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราหายใจ ความดันโลหิตของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ที่ขึ้นฝึกประสบการณ์บนหอผู้ป่วยในครั้งแรก โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 6 รายเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินความเครียดของกรมสุขภาพจิต ลูกประคำจำนวน 6 เส้น เครื่องวัดความดันโลหิต และนาฬิกาข้อมือ โดยขั้นตอนเก็บข้อมูลคือก่อนการทดลอง ทำการตรวจ วัดค่าความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจของผู้เข้าร่วมวิจัยทุกคน โดยให้นั่งพัก 5 นาที หาค่าเฉลี่ย ความดันโลหิตโดยวัดที่แขนข้างเดียวกัน 3 ครั้งแต่ละครั้งห่างกัน 5 นาที และอธิบายข้อตกลงในการฝึกสมาธิ โดยใช้การนับลูกประคำ ส่วนขั้นทดลองให้กลุ่มตัวอย่างปฏิบัติการฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำ เป็นเวลา 15 นาที เมื่อครบเวลาให้วัด อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ และความดันโลหิต หลังทำสมาธิ และจดบันทึก ไว้ในแบบบันทึกที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นรวมใช้เวลา 30 นาที โดยเวลาการทำสมาธิจะเริ่มปฏิบัติในตอนเช้าของการฝึกปฏิบัติงาน บนหอผู้ป่วย (07.00-07.30 น.) เป็นเวลา 4 สัปดาห์ (ตลอดระยะเวลาฝึกปฏิบัติงาน ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ รวมจำนวน 20 วัน) วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและทดสอบสถิติโดยใช้สถิติ Wilcoxon singed-rank test ผลการ วิจัยพบว่า (1)คะแนนความเครียดของนักศึกษาพยาบาลอยู่ในระดับต่ำ (2) คะแนนความเครียดของนักศึกษาพยาบาลที่ฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำก่อนและหลังฝึกมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 คือ คะแนนความเครียดหลังฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำต่ำกว่าก่อนฝึก (3) ค่าเฉลี่ยอัตราการเต้นของหัวใจของนักศึกษาพยาบาลที่ฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำก่อนและหลังฝึกในสัปดาห์ที่ 1 - 4 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (4) ค่าเฉลี่ยอัตราการหายใจและค่าเฉลี่ย ความดันซีสโตลิคของนักศึกษาพยาบาลที่ฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำ ก่อนและหลังฝึก ในสัปดาห์ที่ 2, 3, 4 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และในสัปดาห์ที่ 1ไม่แตกต่างกัน และ (5) ค่าเฉลี่ยความดันไดแอสโตลิคของนักศึกษาพยาบาลที่ฝึกสมาธิโดยการนับลูกประคำ ก่อนและหลังฝึกใน สัปดาห์ที่ 3, 4 มีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และในสัปดาห์ที่ 1ไม่แตกต่างกัน โดยสรุป การฝึกสมาธิเป็นวิธีการหนึ่งในการลดความเครียดได้ และหากฝึกเป็นประจำทุกวันจะทำให้มีสุขภาพกายและใจสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-11-14

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ