การเปรียบเทียบระหว่างดัชนีชี้วัดความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุน : OSTA index และ KKOS scoring system กับวิธีมาตรฐานในการวัดความหนาแน่นของกระดูก ในสตรีที่มารับบริการที่คลินิควัยทอง โรงพยาบาลแพร่

ผู้แต่ง

  • ประการณ์ องอาจบุญ กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลแพร่

คำสำคัญ:

ภาวะกระดูกพรุน, ดัชนีชี้วัดความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุน - OSTA, ระบบคะแนนภาวะกระดูกพรุนของขอนแก่น KKOS, ความหนาแน่นของกระดูก

บทคัดย่อ

ปัจจุบันภาวะกระดูกพรุนเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการดูแลสตรีวัยทองเนื่องจาก ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน การวินิจฉัยด้วยวิธีมาตรฐานคือการตรวจหาค่าความหนาแน่นของกระดูกด้วยเครื่องตรวจมวลกระดูก Dual energy X-ray absorptiometry (DXA) ยังมีราคาแพงและไม่ครอบคลุม จึงสร้างดัชนีชีวัดความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุนได้แก่ Osteoporosis self-as- sessment for Asian index (OSTA index) สำหรับสตรีชาวเอเชีย และ Khon Kaen Osteoporosis Study scoring system (KKOS) สำหรับสตรีชาวไทย การศึกษาวิเคราะห์ย้อนหลังนี้มีเพื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างค่า OSTA index และ KKOS กับค่าความหนาแน่นของกระดูกในสตรีที่มารับบริการ ที่คลินิกวัยทองโรงพยาบาลแพร่ รวมจำนวน 849 รายและได้ตรวจความหนาแน่นของกระดูกด้วยเครื่อง DXA รุ่น Lexxos ระหว่างปี 2548 ถึง ปี 2551 ผลการศึกษาพบว่าวิเคราะห์ทางสถิติโดยหาค่าความไว และความจำเพาะของ OSTA index และ KOSS เทียบกับค่าความหนาแน่นของกระดูกสะโพกพบว่ามีความไว ค่อน ข้างสูง (97.5% และ 95.15% ตามลำดับ) แต่มีความจำเพาะในระดับดี (76.3% และ 68.6% ตามลำดับ)และค่าความไว และความจำเพาะของ OSTA index และ KOSS เทียบกับค่าความหนาแน่นของกระดูกสัน-หลังพบว่ามีความไว ปานกลาง (59.0% และ 56.9% ตามลำดับ) แต่มีความจำเพาะในระดับดี (77.6% และ 74.3% ตามลำดับ) จึงสามารถนำดัชนีชีวัดความเสี่ยง (Clinical risk index) ทั้ง OSTA index หรือ KKOS scoring system ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ไปใช้ในการคัดกรองกลุ่มประชากรกลุ่มใหญ่ที่ไม่สามารถตรวจด้วยวิธีมาตรฐาน DXA ได้ เพื่อประโยชน์ในการนำไปประกอบการดูแลแบบองค์รวมในคลินิกส่งเสริมสุขภาพวัยทองในศูนย์สุขภาพชุมชน โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และเป็นเครื่องมือง่าย ๆ เพื่อดูแลและเฝ้าระวังตนเองจากภาวะกระดูกพรุนสำหรับสตรีวัยทองและประชาชนทั่วไป

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-11-23

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ