ภาวะการได้ยินเสื่อมและปัจจัยที่เกี่ยวข้องใน ผู้สัมผัสเสียงดังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
คำสำคัญ:
ภาวะประสาทรับเสียงเสื่อม, ระดับเสียงดัง, การอนุรักษ์การได้ยินบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับเสียงในสิ่งแวดล้อมของการทำงานที่บุคลากรสัมผัสตลอดเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมง 2) คันหาความชุกของภาวะการได้ยินเสื่อมในผู้สัมผัสเสียงดัง 3) ศึกษา ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะการได้ยินเสือม เป็นการศึกษาแบบตัดขวาง (cross-sectional study with analytic component) โดยเก็บข้อมูลจากบุคลากรในแผนกซักฟอก-ตัดเย็บ และโภชนาการของโรงพยาบาลวชิรภูเก็ตจำนวน 53 คน ในช่วงเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน 2550 การตรวจวัดเสียงในสิ่งแวดล้อมการทำงาน วัดเสียงสะสมใช้ sound level meter การตรวจสมรรถภาพการได้ยินด้วย audiometric test และเก็บ ข้อมูลสุขภาพโดยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติเชิงวิเคราะห์ใช้การทดสอบไค-สแควร์และปัจจัยเสี่ยงใช้ odds ratio และช่วงความเชื่อมั่น 95%
พบว่าระดับเสียงดังในสิ่งแวดล้อมการทำงานตลอดระยะเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมงการทำงานในแผนก ซักฟอก-ตัดเย็บ เท่ากับ 76.1 เดซิเบลเอ และแผนกโภชนาการเท่ากับ 74.7 เดซิเบลเอ มีบุคลากรเข้ารับการตรวจสมรรถภาพการได้ยินจำนวน 39 คนจากทั้งหมด 53 คน คิดเป็นร้อยละ 73.6 พบความชุกของภาวะประสาทรับเสียงเสื่อมร้อยละ 51.3 ซึ่งพบในแผนกซักฟอก-ตัดเย็บร้อยละ 47.6 และแผนกโภชนาการร้อยละ 55.6 ข้อมูลทั่วไป บุคลากรเป็นเพศหญิงร้อยละ 79.5 อายุเฉลี่ย 42.4 ปี ระยะเวลาการทำงานเฉลี่ย 12.6 ปีทำงานสัมผัสเสียงดังวันละ 4-8 ชั่วโมงร้อยละ 56.4 ส่วนใหญ่ไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงดังร้อยละ 64.1 สาเหตุที่ไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงเพราะไม่มีใช้และอุปกรณ์ไม่เพียงพอร้อยละ 60.0 สาเหตุที่ใช้บางครั้งเพราะไม่สะดวก อึดอัดร้อยละ 54.5 ไม่พบปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะประสาทรับเสียงเสื่อม ทั้งการสูบบุหรี่ เพศ อายุมากกว่า 40 ปี ระยะเวลาทำงานและแผนกที่ปฏิบัติงาน ดังนั้นควรจัดให้มีโครงการอนุรักษ์การได้ยิน ตลอดจนส่งเสริมให้มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงอย่างเข้มงวดและรณรงค์ไม่ให้มีการสูบบุหรี่
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.