การวิจัยประเมินผลโครงการระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิ้ง ตำบลบ้านลำ อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี
คำสำคัญ:
ผู้สูงอายุ, ระบบการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาปัจจัยในการปรับปรุงโครงการระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ให้มีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นและไม่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง การวิจัยใช้รูปแบบการประเมินผลของ สเต้ก (Stake's Evaluation Model) ร่วมกับ รูปแบบการประเมินผลแบบซิปโมเดล (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stufficbeam) ดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2558 ใช้กลุ่มตัวอย่างจากการสุ่ม แบบเจาะจง 2 กลุ่มคือ (1) กลุ่มผู้บริหารและคณะทำงาน ที่เกี่ยวข้อง และ (2) กลุ่มนักบริบาลที่ปฏิบัติงานให้การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง รวบรวมข้อมูลด้วย แบบสอบถามการสัมภาษณ์กลุ่ม และสัมภาษณ์เชิงลึก ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยการวิเคราะห์ทางสถิติ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม มีความเห็นว่า ภาพรวมทั้ง 4 ด้านของโครงการ ได้แก่ (1) บริบท (2) ปัจจัยเบื้องต้น (3) กระบวนการดำเนินงาน และ (4) ผลผลิตของโครงการ มีความเหมาะสมในระดับมาก มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สามารถสนับสนุนการดำเนินงานให้ได้รับผลผลิตตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ตรงตามความคาดหวังของผู้บริหารและคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงปัจจัยเบื้องต้นของโครงการ ได้แก่ (1) โครงการควรได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง (2) ผู้จัดการระบบ ควรมีจำนวนเพียงพอกับภาระงาน (3) ควรเพิ่มศักยภาพทีมสนับสนุนให้มีความรู้ความเข้าใจในการดูแลผู้สูงอายุ (4) ควรมีเวที เสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน (5) นักบริบาลควรได้รับการคัดเลือกจากผู้ที่มีจิตอาสาด้วยใจจริง และข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงด้านกระบวนการ ได้แก่ (1) ควรมีค่าตอบแทนให้แก่นักบริบาลอย่างต่อเนื่อง เพียงพอ และเหมาะสมกับภาระงาน (2) ควรมีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการเพื่อการประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างราบรื่น (3) ควรมีงบประมาณเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (4) ควรปรับปรุงเนื้อหาและวิธีการสอน โดยยกตัวอย่างจากปัญหาของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนของผู้เข้ารับอบรม และเน้นการฝึกภาคปฏิบัติ โดยมีคู่มือการปฏิบัติงานให้ชัดเจน และ (5) ควรควบคุมเวลาที่ใช้ในการอบรมโดยไม่ควรใช้เวลาเต็มวัน เพื่อความสะดวกในการแบ่งเวลากับภารกิจประจำวันของผู้เข้ารับการอบรม
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

