การติดตามผลการรักษาด้วยยาวาร์ฟารินในผู้ป่วยผ่าตัดลิ้นหัวใจ โรงพยาบาลลำปาง
คำสำคัญ:
ผ่าตัดลิ้นหัวใจ, ยาวาร์ฟาริน, ค่า international normalied ratioบทคัดย่อ
วาร์ฟารินเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดแบบรับประทานที่มีการใช้ในกลุ่มผู้ป่วยโรคต่าง ๆ รวมถึงผู้ป่วย ผ่าตัดลิ้นหัวใจ และข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ แนะนำตรวจติดตามค่า International normalized ratio (INR) เพื่อปรับขนาดยาหลังได้รับยา 5 ถึง 7 วัน แต่ผู้ป่วยผ่าตัดลิ้นหัวใจมีความเสี่ยงที่จะเกิดเลือดออก จึงมีการติดตาม INR หลังได้รับยา 3 วัน เพื่อค้นหาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ตอบสนองต่อวาร์ฟารินเร็ว การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยผ่าตัดลิ้นหัวใจภายหลังได้รับยาวาร์ฟาริน 3 วัน และศึกษาว่ามีปัจจัยอะไรที่สัมพันธ์บ้าง เพื่อจะได้นำข้อมูลมาเป็นแนวทางการติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อไป เป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งในผู้ป่วยหลังผ่าตัดลิ้นหัวใจที่ได้รับยาวาร์ฟาริน และมีผลตรวจ INR 72 ชั่วโมงหลังจากได้ยา ณหอผู้ป่วยศัลยกรรมหัวใจ หลอดเลือดและทรวงอก โรงพยาบาลลำปาง ในช่วงตุลาคม 2555 ถึงกันยายน 2556เก็บข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วย ข้อมูลการรักษาด้วยยาวาร์ฟาริน และค่า INR โดยกำหนดให้ผู้ป่วยที่มี INR 72 ชั่วโมง ที่มีค่า INR น้อยกว่า 1.6 เป็นกลุ่มตอบสนองช้า 1.6-2.0 เป็นกลุ่มตอบสนองปกติ และมากกว่า 2.0 เป็นกลุ่มตอบสนองมากกว่าปกติ วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา หาปัจจัยที่สัมพันธ์โดยใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Fisher's exact probability test, one-way anova และ Multinomial logistic regresion ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 182 คน เป็นชายร้อยละ 52.8 อายุเฉลี่ย 52.5 ± 11.8 ปี ใช้ยาวาร์ฟารินครั้งแรกร้อยละ 52.8 ผู้ป่วยได้รับยาวาร์ฟารินในขนาดเริ่มต้น 1.9 ± 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน มีค่า INR หลัง 72 ชั่วโมง อยู่ในกลุ่มตอบสนองช้า ร้อยละ 49.4 ตอบสนองปกติ ร้อยละ 19.8 และตอบสนองมากกว่าปกติ ร้อยละ 30.8 เมื่อวิเคราะห์แบบ mulivarate ควบคุมตัวแปรที่สัมพันธ์ได้แก่ เพศ อายุ ประวัติเคยใช้ยาวาร์ฟาริน ขนาดยาเริ่มต้น ค่า INR ก่อนได้ยา และการได้รับยา amiodarone โดยใช้กลุ่มตอบสนองช้าเป็นตัวเปรียบเทียบ พบว่า ผู้ป่วยเพศหญิง (OR=2.7, CI 1.2-6.0) อายุ 60 ปีขึ้นไป (OR=8.6, CI 3.2-23.2) ใช้ยาวาร์ฟารินครั้งแรก (OR=5.9, CI 2.4-14.5) และได้ขนาดยาเริ่มต้นมากกว่า 2 มิลลิกรัมต่อวัน (OR-4.3, CI 1.6-11.8) มีโอกาสที่จะเป็นผู้ป่วยกลุ่มตอบสนองมากกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) สรุปว่า ผู้ป่วยผ่าตัดลิ้นหัวใจ ที่โรงพยาบาลลำปางในปีงบประมาณ 2556 ตอบสนองต่อยาวาร์ฟารินมากกว่าปกติเกือบหนึ่งในสาม โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้เสี่ยงต่อภาวะวาร์ฟารินเกินขนาด ซึ่งกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ผู้ป่วยเพศหญิง มีอายุมากกว่า 60 ปี ไม่เคยใช้ยาวาร์ฟารินมาก่อน และได้รับยาในขนาดเริ่มต้นมากกว่า 2 มิลลิกรัมต่อวัน
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.