ความรู้ สัมพันธภาพระหว่างบุคคล และประสิทธิภาพ การจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลความรู้เรื่องแนวทางการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี สัมพันธภาพระหว่างบุคคล และประสิทธิภาพการจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นการศึกษาภาคตัดขวางเชิงพรรณนา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในราชการบริหารส่วนกลาง และจัดทำเรื่องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อลงนามหนังสือเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 133 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยมัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบความสัมพันธ์ด้วยสถิติไคสแคว์ สถิติวิเคราะห์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ด้านอายุ (χ2=13.25 p-value=0.004) สถานภาพสมรส (χ2=8.61 p-value=0.013)ระดับการศึกษา (χ2=4.55 p-value=0.033)รายได้เฉลี่ยต่อเดือน (χ2=19.58 p-value=0.001)และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน (χ2=52.18 p-value=0.000) มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05นอกจากนี้พบว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขมีความรู้เรื่องแนวทางการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีระดับปานกลาง และสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอยู่ในระดับดี โดยมีสัมพันธภาพกับผู้บังคับบัญชาดีกว่าสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมงาน เมื่อทำการทดสอบความสัมพันธ์พบว่า ความรู้เรื่องแนวทางการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์ระดับสูงในทิศทางบวกกับประสิทธิภาพการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และสัมพันธภาพระหว่างบุคคล มีความสัมพันธ์ระดับปานกลางในทิศทางบวกกับประสิทธิภาพการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการศึกษามีข้อเสนอแนะในการจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงควรแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาประจำกรมต่างๆ และหน่วยงานในกำกับ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นที่ปรึกษา ให้ความรู้ คำแนะนำ เกี่ยวกับการจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีประจำกรม หรือหน่วยงาน การอบรมให้ความรู้เรื่องแนวทางการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานและเอกสารเผยแพร่ความรู้ การสร้างเครือข่ายผู้จัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี การใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อประชาสัมพันธ์ความรู้ รวมทั้งการให้ข้อมูลแก่ผู้บริหารของหน่วยงาน สำหรับจัดกิจกรรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพของเจ้าหน้าที่ อันจะส่งผลให้การทำงานของหน่วยงานประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด