A Study on Human Immunodeficiency Virus Infection In leprosy Patients-การศึกษาการติดเชื้อไวรัสเอดส์ในผู้ป่วยโรคเรื้อน

ผู้แต่ง

  • Maeya Ngamying
  • Niwat Montreewasuwat
  • Pornwipa Klangsin
  • Charoon Pirayawaraporn
  • Krisanapong Russameprapha
  • Kitti Kitti-umpol
  • Prasert Sampoonachote
  • Wisut Sukheepaisarncharoen
  • Arporn Poomlek
  • Nunta Koohachareon

บทคัดย่อ

     Sera from 790 leprosy patients were collected from Phra-PradaengHospital, Raj-Pracha-Samasai Institute and Nonsomboon Leprosarium Between June 1990 - March 1991. They were screened for anti-HIV IgG antibodies by Particle agglutination test and confirmed by Western Blot assay. The patients were also interviewed for epidemiological baseline data to fine any possible risk factors. There were 10 anti-HIV positive resulting a prevalence of 1.27%. Nine were male and 1 was female. Median age of this group was between 15-40 year with 2 over 60 years of age. Among those 10 anti-HIV seropositive patients, 5 had history of sexual relation with prostitutes within 1 year, 5 were intravenous heroin abusers, 3 received blood transfusion, 4 showed tattoos on the body or ear piercing and 1 was homosexual. Seven HIV seropositive patients were multi-bacillary leprosy patients whereas the other 3 were paucibacillary. Only 4 out of those 10 could be closely followed up and blood collected every 3 months for analysis of T4:T8 ratios and lymphoproliferative responses to mitogen (PHA) or antigens (P.P.D. or M. leprae antigen). The interim data from HIV seropositive leprosy patients showed normal T4:T8 ratios and no significant difference in lymphoproliferative response as compared to leprosy patients without HIV infection. However HIV seropositive cases in leprosy patients show significantly higher prevalence rate than those with age and sex-matched general population in Samutprakarn.

             ผู้ป่วยโรคเรื้อนจากสถาบันราชประชาสมาสัย โรงพยาบาลพระประแดง และสถานพยาบาลโนนสมบูรณ์ จำนวน 790 ราย ได้รับการเจาะเลือดระหว่างเดือนมิถุนายน 2533 ถึงเดือนมีนาคม 2534 เพื่อตรวจหาแอนติบอดีต่อแดนติเจนของเชื้อไวรัสเอดส์จากน้ำเหลือง โดยวิธี Particle agglutination test น้ำเหลืองที่ให้ผลบวกจากการตรวจ ขั้นแรกนี้ ถูกนำมาตรวจยืนยันผลบวก โดยวิธี Immunoblot (Western Blot) พบว่ามีผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ติดเชื้อไวรัสเอดส์ จำนวน 10 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 1 ราย อายุระหว่าง 15-40 ปี ร้อยละ 70 เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อนชนิดเชื้อมาก (LL 5 รายและ BL 2 ราย) อัตราความชุกของการติดเชื้อไวรัสเอดส์ในผู้ป่วยโรคเรื้อนคิดเป็นร้อยละ 1.27 โดยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอดส์ของผู้ป่วยโรคเรื้อนหญิงเพียงอย่างเดียว คือสักตามร่างกายและ/หรือเจาะหู สำหรับปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยชาย พบว่ามีการใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด 5 ราย ได้รับเลือด 3 ราย เป็นผู้เที่ยวสำส่อนแบบรักต่างเพศ 4 ราย และเป็นผู้เที่ยวสำส่อนแบบรักร่วมเพศ 1 ราย ผลการตรวจสภาวะภูมิต้านทานทางเซลล์ (CMI) ได้แก่ CD4+ :CD8+ และปฏิกิริยาตอบสนองของเซลล์ Lymphocytes ต่อแอนติเจนชนิดต่างๆ ของผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ติดเชื้อไวรัสเอดส์ จำนวน 4 ใน 10 ราย ไม่พบความผิดปกติ

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-03-22

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ