Prevalence of Sexually Transmitted Diseases among Prepubertal Girls Attending Bangrak Hospital, Bangkok-ความชุกของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในเด็กหญิงวัยก่อนหนุ่มสาว ที่มารับการตรวจที่โรงพยาบาลบางรัก กรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
-บทคัดย่อ
This retrospective study describes the prevalence of sexually transmitted diseases (STD). 338 prepubertal girls (age rang 4 day - 12 years; 43.79% between 4-6 years) attending Ba Hospital during October 1987 to November 1993. Neisseria gonorrhoeae (GC) was four 15.38% (52/338), nonspecific genital infection (NSGI) 5.02% (17/338), Syphilis (condvlo lata) 0.30% (1/338), herpes simplex virus 0.59% (2/338) and Condyloma acuminata 0.30% 338). Among 14 grils with history of sexual abuse, GC was found in 21.42% 3/14), syn (Condyloma lata) 7.1% (1/14), herpes simplex virus 7.1% (1/14) and Chlamydial trachon 7.1% (1/14). Chief complain of vaginal discharge presented in 77.44% and valvovaginitis wasi most common clinical manifestration (53.55%). Relatively higher prevalence of Neisse, gonorrhoeae infection in these prepubertal girls comparing to the prevalence in adult females an males attending this hospital during the same peroid indicated that prepubertal girls present for evaluation of vaginal discharge may have STD and should be cultured for gonorrhoea wheatero not sexual abuse is suspected. Sexually transmitted diseases in children should have got me attention due to the possibility of sexual abuse. Culture for gonorrhea and Chlamydia trachomatis should be done in evaluating prepubertal girls in STD Clinics.
ผู้วิจัยได้ศึกษาผู้ป่วยเด็กหญิงวัยก่อนหนุ่มสาว จํานวน 338 รายที่มาตรวจที่โรงพยาบาลบางรัก ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2531 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2537 อายุระหว่าง 4 วันถึง 12 ปี (43.79% มีอายุระหว่าง 4 - 6 ปี) โดยพบ ป่วยเป็นหนองใน 15.38% หนองในเทียม 5.02% ซิฟิลิส 0.30% เริ่ม 0.59% และหูดหงอนไก่ 0.30% ผู้ป่วยที่มี ประวัติถูกล่วงเกินทางเพศ (Sexunal abuse) มีจํานวน 14 รายและพบเป็นหนองใน 3 ราย (21.42%) ชิฟิลิสระ ยะที่สอง 1 ราย (7.1%) เริ่ม 1 ราย (7.1%) และติดเชื้อคลามัยเดียทราโคมาติส 1 ราย (7.1%)ร้อยละ77.44 ของผู้ป่วยมีอาการสําคัญคือมีหนองจากช่องคลอดและ53.55% ได้รับการวินิจฉัยเป็น vulvovaginitis อัตราป่วยเป็นหนองในในผู้ป่วยที่ศึกษา มีสูงกว่าอัตราป่วยในผู้หญิง แม่บ้านและผู้ป่วยชายที่มาตรวจที่โรง พยาบาลบางรักในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงควรตรวจหาโรคหนองใน ในเด็กหญิงที่มีอาการ Vaginal discharge ทุกราย ไม่ว่าจะมีประวัติถูกล่วงเกินทางเพศหรือไม่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในเด็กควรได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากปัญหาการล่วงเกินทางเพศ ควรพัฒนา การตรวจวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในเด็กให้ได้มาตรฐานมากขึ้น โดยเฉพาะการเพาะเชื้อหนองในและ คลามัยเดียทราโคมาติส