ความชุกของเซลล์ปากมดลูกผิดปรกติตามระบบ Bethesda ในโรงพยาบาลเพชรบูรณ์
คำสำคัญ:
เซลล์ปากมดลูกที่ผิดปรกติ, ระบบ Bethesdaบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ เพื่อหาความชุกของเซลล์ปากมดลูกที่ผิดปรกติตามระบบ bethesda โดยทบทวนข้อมูลเซลล์ปากมดลูกจากผู้ป่วยที่มาตรวจระหว่าง ๑ เมษายน ๒๕๔๖ จนถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๘ ที่ได้วินิจฉัยว่าเป็น atypical squamous cell of undetermined significance (ASCUS), atypical glandular cell of undetermined significance (AGUS), low-grade squamous intraepithelial lesion (LSIL), high-grade squamous intraepithelial lesion (HSIL), squamous cell carcinoma (SCCA) and adenocarcinoma โดยดูประวัติข้อมูลพื้นฐาน วิธีการตรวจวินิจฉัยขั้นต่อไป ผลการตรวจทาง พยาธิวิทยาจากชิ้นเนื้อ และโรคทางนรีเวชที่เคยเป็น โดยดูความสัมพันธ์ระหว่างผลการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาจากชิ้นเนื้อกับผลการตรวจเซลล์ปากมดลูก ในกลุ่มเซลล์ก่อนเป็นมะเร็งและเซลล์มะเร็งระยะต้น พบว่า ความชุกของเซลล์ปากมดลูกที่ผิดปรกติ เท่ากับร้อยละ ๖.๕๒ จากการตรวจสเมียร์ ทั้งหมด ๓,๕๕๕ แผ่น ซึ่งแบ่งเป็น ASCUS ร้อยละ ๕๒,๐๓ (๑๒๘ แผ่น), HSIL ร้อยละ ๒๓.๕๘ (๕๘ แผ่น), LSIL ร้อยละ ๑๑.๗๙ (๒๙ แผ่น), squamous cell carcinoma ร้อยละ ๑๐.๕๗ (๒๖ แผ่น) AGUS ร้อยละ ๑.๖๓ (๔ แผ่น) และ adenocarcinoma ร้อยละ ๐.๔๐ (๑ แผ่น) ได้ทบทวนผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเซลล์ปากมดลูกผิดปรกติ จำนวน ๒๒๓ ราย เป็นผู้ป่วยที่ไม่ได้มาตรวจติดตาม ๕๐ ราย (๔๐.๓๖%) เป็นกลุ่มที่ได้รับการตรวจเซลล์ ปากมดลูกซ้ำ ๓๙ ราย (๑๗.๔๙%) มีผู้ป่วย ๙๔ ราย (๔๒.๑๕%) ได้รับการส่องกล้องตรวจปากมดลูก ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยขั้นสุดท้ายจากผลชิ้นเนื้อว่าเป็น HSIL และมะเร็งปากมดลูก เมื่อย้อนกลับไปดูผล ตรวจเซลล์ปากมดลูกพบว่าเป็น HSIL ร้อยละ ๘๒.๖๑ ASCUS ร้อยละ ๑๓.๐๔ และ LSIL ร้อยละ ๔.๓๕ ตามลำดับ จึงสรุปได้ว่า ความชุกของเซลล์ปากมดลูกที่ผิดปรกติในการศึกษานี้ค่อนข้างสูงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการศึกษาอื่นๆ และในรายผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกในระดับ HSIL ควรได้รับการตรวจติดตามสืบค้นต่อไปอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการส่องกล้องตรวจปากมดลูก หรือขูดชิ้นเนื้อจากคอมดลูกก็ตาม นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ขาดการตรวจติดตามของโรงพยาบาลมมีค่อนข้างมาก ซึ่งอาจจะต้องมีการประเมินและปรับปรุงระบบการติดตามผู้ป่วย
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2019 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

