ผลของโปรแกรมเตรียมความพร้อมทางการพูดระยะก่อนพูด ต่อพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของเด็กกลุ่มอาการดาวน์ อายุ 1 ปี 6 เดือน ถึง 3 ปี
คำสำคัญ:
โปรแกรมเตรียมความพร้อมทางการพูดระยะก่อนพูด, กลุ่มอาการดาวน์, พัฒนาการด้านการใช้ภาษาบทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองเพื่อศึกษาผลของโปรแกรมเตรียมความพร้อมทางการพูดระยะก่อนพูดต่อ พัฒนาการด้านการใช้ภาษาของเด็กกลุ่มอาการดาวน์ อายุ 1 ปี 6 เดือน ถึง 3 ปี กลุ่มตัวอย่างคือ เด็กกลุ่มอาการดาวน์อายุ 1 ปี 6 เดือน ถึง 3 ปี ที่มารับบริการส่งเสริมพัฒนาการในสถาบันราชานุกูล เดือนมีนาคม - มิถุนายน 2555 ที่มีคะแนนประเมินพัฒนาการด้านการใช้ภาษาน้อยกว่า 30 คะแนนและไม่มีหูหนวกหรือตาบอด จำนวน 18 คน สุ่มแบบสัดส่วนตามคะแนนพัฒนาการด้านการใช้ภาษาและเพศได้กลุ่มทดลอง 9 คนและกลุ่มควบคุม 9 คนกลุ่มทดลองได้รับการเตรียมความพร้อมทางการพูดระยะก่อนพูดจากบุคลากรในวันที่มารับบริการ 3 วันต่อสัปดาห์วันละ 2 ครั้ง ๆละ 15-20 นาที และจากผู้ปกครองในวันที่ไม่ได้มารับบริการ 4 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 30 วันรวมทั้งหมด 60 ครั้ง ร่วมกับการส่งเสริมพัฒนาการตามปกติ ส่วนกลุ่มควบคุมจะได้รับการส่งเสริมพัฒนาการตามปกติโปรแกรมเตรียมความพร้อมทางการพูดระยะก่อนพูด ประกอบด้วย 8 กิจกรรม คือ การบริหารริมฝีปาก ลิ้น ขากรรไกรเลียนแบบการเล่นเสียงที่ไม่มีความหมาย การดูด การเป่า การกัด-เคี้ยว-กลืน และเลียนแบบการพูดคำที่มีความหมาย มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 0.80-1.00 เครื่องมือรวบรวมข้อมูล คือแบบประเมินพัฒนาการด้านการใช้ภาษาจำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นของครอนบาคเท่ากับ 0.859 วิเคราะห์ข้อมูลโดย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน-มาตรฐาน Fisher's exact test และ t- test ผลการศึกษาพบว่าก่อนการทดลอง ทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม มีคะแนนพัฒนาการด้านการใช้ภาษาไม่แตกต่างกัน แต่หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีพัฒนาการด้านการใช้ภาษา สูงขึ้นจากก่อนการทดลอง และสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) สรุปได้ว่า โปรแกรมเตรียมความพร้อมทางการพูดระยะก่อนพูดสามารถช่วยให้เด็กกลุ่มอาการดาวน์มีพัฒนาการด้านการใช้ภาษาสูงขึ้น ดังนั้นจึงสามารถ เลือกใช้ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กกลุ่มอาการดาวน์ได้
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

