การเพิ่มอัตราการรักษาหายของผู้ป่วยวัณโรคในโรงพยาบาลน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

ผู้แต่ง

  • ผกายดาว พรหมสุรีย์ โรงพยาบาลน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

คำสำคัญ:

วัณโรค, การรักษา, การเสริมพลัง, อัตราการหายขาดจากวัณโรค

บทคัดย่อ

วัณโรคเป็นโรคที่เป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องเร่งค้นหาผู้ป่วยและดูแลกินยาให้ครบ โดยมุ่งให้อัตราการรักษาสำเร็จ (success rate) เกินร้อยละ 90.0 ทั้งประเทศ โรงพยาบาล น้ำยืนดูแลประชากรทั้งอำเภอน้ำยืน และอำเภอน้ำขุ่น รวม 99,970 คน ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นวัณโรคมีอย่าง ต่อเนื่องและพบปัญหาในการดูแลผู้ป่วยวัณโรค ได้แก่ อัตราตายสูงกว่าเกณฑ์ ผู้ป่วยขาดการเสริมพลังในการรักษาตนเอง ผู้ป่วยขาดนัด หยุดยาเอง กินยาไม่สม่ำเสมอ ปัญหาการติดต่อประสานงานระหว่างพื้นที่กับโรงพยาบาลและชุมชนไม่เห็นความสำคัญของโรค ปัญหาต่าง ๆ ส่งผลให้อัตราการรักษาสำเร็จไม่ได้ตามเกณฑ์ กล่าวคือ ปี 2551เท่ากับร้อยละ 75.0 ปี 2552 ร้อยละ 50.0 และปี 2553 ร้อยละ 71.2 การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม อัตราการรักษาหายให้มากกว่าร้อยละ 90.0 ด้วยการดำเนินโครงการพัฒนาที่ใช้ทฤษฎีการเสริมพลัง (empowerment theory) เข้ามาพัฒนาระบบงานให้สำเร็จและยั่งยืน โดยการเชื่อมโยงวงล้อทั้ง 3 เข้าด้วยกัน ได้แก่ ผู้ป่วยและญาติ (client) บุคลากรทางการแพทย์ (Care team) และชุมชน (community) ได้วงล้อในการพัฒนาชื่อว่า 3C- Empowerment การพัฒนาระบบเพื่อเสริมพลังจะทำการขับเคลื่อนวงล้อทั้งสามควบคู่กันไป แต่ละกิจกรรมจะทำการเสริมพลังในทุกกิจกรรมเป็นร้อยละ 100.0 โดยศึกษากับผู้ป่วยวัณโรคทุกรายในปี 2554-2556 ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยรับการรักษารวมทั้งสิ้น 210 ราย หลังการใช้วงล้อคุณภาพ 3C-Empowerment พบว่า อัตราการรักษาหายของผู้ป่วยวัณโรคโรงพยาบาลน้ำยืน เพิ่มขึ้นดังนี้ ปี 2554 เท่ากับร้อยละ 96.7 ปี 2555 ร้อยละ 100.0 และปี 2556 เท่ากับร้อยละ 100.0 นอกจากนั้นพบว่าตัวชี้วัดคุณภาพอื่น ๆ มีแนวโน้มที่ดี เช่น อัตราการขาดนัด = 0 อัตราการขาดยา = 0 อัตราการเสียชีวิต = 0 สรุปการเสริมพลังที่สมดุลของ 3C = empowerment สามารถเพิ่มอัตราการรักษาหายของผู้ป่วยวัณโรค และสามารถปรับใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังกลุ่มอื่นๆได้

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-11-30

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ