การติดตามดูแลสตรีที่มีผลการตรวจคัดกรองพบการอักเสบของปากมดลูก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2551-2556

ผู้แต่ง

  • ชุติมา ชัยมณี โรงพยาบาลสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
  • สมชาติ โตรักษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • วราภรณ์ บุญศิริ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสันป่าตอง
  • ขจรศักดิ์ เกษมกิตติ์ธนากุล สำนักงานหลักประกันสุขภาพ จังหวัดเชียงใหม่

คำสำคัญ:

การพัฒนารูปแบบ, มะเร็งปากมดลูก, ปากมดลูกอักเสบ, การตรวจคัดกรอง, เครือข่ายบริการสุขภาพ

บทคัดย่อ

สตรีที่มาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้ว พบว่า มีการอักเสบของปากมดลูก ควรตรวจคัดกรองซ้ำภายหลังการรักษาใน 6 -12 เดือน เพื่อค้นหารอยโรคที่อาจช่อนเร้นอยู่ เนื่องจากมีเนื้อเยื่อตายจากการอักเสบมาบดบังเซลล์บนแผ่นสไลด์ จากการทบทวนการดำเนินงานตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อำเภอสันป่าตองในช่วง พ.ศ. 2548-2550 พบว่า สตรีที่ตรวจคัดกรองพบการอักเสบของปากมดลูก กลับมารับการตรวจคัดกรองซ้ำเพียงร้อยละ 37.07 โดยพบเป็นมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 3.08 การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบงานติดตามการตรวจ คัดกรองมะเร็งปากมดลูกซ้ำในสตรีที่มีผลการตรวจคัดกรองพบการอักเสบของปากมดลูก แบ่งการศึกษาเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้ (1) การวางแผน โดยศึกษาสภาพปัญหาหรือข้อจำกัด กำหนดวัตถุประสงค์ วิธีการแก้ไขปัญหา และ พัฒนางานติดตามตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกซ้ำในสตรีที่เคยมีผลการตรวจคัดกรองพบการอักเสบของปากมดลูก (2) นำรูปแบบที่พัฒนาขึ้นไปสู่การปฏิบัติ และปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ยังคงพบปัญหา และ (3) ติดตามประเมินผลโดยเปรียบเทียบอัตราการมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกซ้ำ และศึกษาผลของการตรวจคัดกรองซ้ำ ใน 12เดือนหลังการรักษาอาการอักเสบของปากมดลูก กลุ่มตัวอย่าง คือ สตรีที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในโรงพยาบาลสันป่าตอง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 18 แห่ง ในอำเภอสันป่าตอง ในช่วง พ.ศ. 2551-2555 ที่มีผลการตรวจพบการอักเสบของปากมดลูก จำนวน 2,204 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาผลการศึกษา พบว่า รูปแบบที่พัฒนาขึ้นโดยใช้แนวคิดหลักการบริหารอย่างครบวงจร ประกอบด้วย (1) การกำหนดแผนงาน วัตถุประสงค์ และกำหนดวิธีปฏิบัติ (2) การกำหนด และประมาณความต้องการทรัพยากรที่จำเป็น สำหรับการดำเนินงาน (3) การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยการกระจายงานให้รับผิดชอบในพื้นที่ตนเอง และ (4) การกำหนด ผู้รับผิดชอบหลักเพื่อทำหน้าที่บันทึก เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเครือข่ายบริการสุขภาพ และติดตามประเมินผลการดำเนินงาน หลังสิ้นสุดการวิจัย พบว่า อัตราการมารับการตรวจคัดกรองช้ำภายหลังการรักษาภาวะการอักเสบของปากมดลูก เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 48.50 ในปี พ.ศ.2550 เป็นร้อยละ 92.50 ในปี 2556 ในจำนวนนี้ พบผลผิดปกติ 34 คน (ร้อยละ 1.87) จำแนกเป็นรอยโรคขั้นต่ำ ร้อยละ 0.66, รอยโรคขั้นสูง ร้อยละ 0.66 และมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม ร้อยละ 0.55 เสนอแนะให้กำหนดเป็นหนึ่งในนโยบายหลักให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกซ้ำในสตรีที่มีผลการตรวจคัดกรองพบการอักเสบของปากมดลูก

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-11-30

วิธีการอ้างอิง

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ

บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุดจากผู้แต่งเรื่องนี้