ความเข้าใจข้อความบนฉลากยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ก่อนและหลังจากปรับเป็นฉลากยาส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
คำสำคัญ:
ฉลาก RDU, ความเข้าใจ, ชื่อสามัญทางยาภาษาไทยบทคัดย่อ
ในปี พ.ศ.2559 โรงพยาบาลลำปางได้ปรับฉลากยาให้เป็นฉลากที่ส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (rational drug use - RDU) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจข้อความบนฉลากยาระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับฉลากยาแบบเดิม กับผู้ป่วยที่ได้รับฉลากยา RDU โดยมีรูปแบบการศึกษาเป็น interrupted time design เก็บข้อมูลแบบ prospective cross sectional study ศึกษาในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่มารับบริการ ณ หน่วยบริการจ่ายยาผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลลำปาง ตั้งแต่เดือนกุมภา-พันธ์ 2559 ถึงมกราคม 2560 โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ความเข้าใจข้อความบนฉลากยาของผู้ป่วยจากการอ่านข้อมูลบนฉลากยา คือ ชื่อสามัญทางยาภาษาไทย วิธีใช้ยา ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวัง เมื่ออ่านถูกต้องจะถูกบันทึกเป็นคะแนน และวิเคราะห์การอ่านฉลากยาทั้ง 2 กลุ่มโดยใช้สถิติ independent t-test สำหรับข้อมูลที่เป็นตัวแปรต่อเนื่อง (continuous data) และ Chi-square สำหรับข้อมูลที่เป็นตัวแปรลักษณะ (categorical data) และข้อมูลปัจจัยที่มีผลต่อการอ่านฉลากยาของผู้ป่วยใช้สถิติ multivariable logistic regression ผลการศึกษาจากผู้ป่วย 170 ราย ซึ่งประกอบด้วยผู้ป่วยที่ได้รับฉลากยาเดิม 90 ราย และฉลากยา RDU 80 ราย พบว่า ผู้ป่วยอ่านฉลากยาโรคเบาหวานและ ความดันโลหิตสูง 638 ฉลาก เป็นฉลากยาเดิม 321 ฉลาก และฉลากยา RDU 317 ฉลาก ผู้ป่วยให้ความสำคัญกับการอ่านวิธีใช้ยามากกว่าข้อความอื่นๆ บนฉลากยา เมื่อประเมินความเข้าใจฉลากยา พบว่าฉลากยา RDU มีคะแนนสูงกว่าฉลากยาเดิมในการอ่านชื่อสามัญทางยาภาษาไทยและคำเตือนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ร้อยละ 94.3 เทียบกับร้อยละ 74.9 และ 82.0 เทียบกับ 56.6; p<0.001) แต่ไม่แตกต่างกันในการอ่านข้อบ่งใช้ยา และวิธีใช้ยา ผู้ป่วยมีความพึงพอใจฉลากยา RDU มากกว่าฉลากยาเดิม (ร้อยละ 95.3 เทียบกับร้อยละ 68.5; p<0.001) เมื่อปรับปัจจัยกวน ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา และจำนวนยาที่ผู้ป่วยได้รับ พบว่า ผู้ป่วยเข้าใจฉลากยา RDU มากกว่าฉลากยาแบบเดิมเกี่ยวกับชื่อสามัญทางยาภาษาไทย 6.45 เท่า (95%CI=3.61-11.53; p<0.001) ความแรงยา 5.72 เท่า (95%CI=3.26–10.04; p<0.001) ข้อบ่งใช้ยา 1.39 เท่า (95%CI=0.35–5.45; p=0.638) คำเตือนและข้อควรระวัง 3.05 เท่า (95%CI=1.40–6.63; p=0.005) เมื่อโรงพยาบาลมีการปรับฉลากยาให้เป็นฉลาก RDU ทำให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจต่อฉลากยาเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับฉลากยาเดิม ดังนั้นควรส่งเสริมให้โรงพยาบาลมีการพัฒนาฉลากยาให้เป็นไปตามแนวทางโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล อย่างไรก็ตาม เภสัชกรควรเน้นให้ผู้ป่วยตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านฉลากยาเพื่อให้ใช้ยาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2019 Journal of Health Science - วารสารวิชาการสาธารณสุข
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.