ผลของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ การจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ ต่อความรู้ทางการเรียน ทักษะการจดบันทึก และความพึงพอใจของผู้เรียน
คำสำคัญ:
การจดบันทึกแบบคอร์เนลล์, ความรู้ทางการเรียน, ทักษะการจดบันทึก, ความพึงพอใจของผู้เรียนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความรู้ทางการเรียนของนักศึกษาพยาบาลหลังใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ (2) ศึกษาทักษะการจดบันทึกของนักศึกษาพยาบาลหลังใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ (3) เปรียบเทียบความรู้ทางการเรียนของนักศึกษาพยาบาลก่อนและหลังใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ และ (4) ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี ที่ลงทะเบียนวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล ในภาคการศึกษาที่ 3 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย คู่มือการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ แบบจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ แบบประเมินทักษะการจดบันทึกแบบคอร์เนล แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับหลักการและเทคนิคการพยาบาล และแบบประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (dependent t-test) ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีระดับความรู้ทางการเรียนหลังใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (Mean=0.66, SD=0.44) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์มีความรู้ทางการเรียนมากกว่าก่อนใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 86.67 มีทักษะการจดบันทึกหลังใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ อยู่ในระดับดีขึ้นไป กลุ่มตัวอย่างมีความ พึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการจดบันทึกแบบคอร์เนลล์ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=4.08, SD=0.8)
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กิตติมา สาธุวงษ์. ประสิทธิผลการเรียนโดยใช้รูปแบบการจดบันทึกคอร์เนลล์ในวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น 2 ของนักเรียนพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยกองทัพเรือ. วารสารพยาบาลตำรวจ 2554;3(1):12-25.
ศศิธร อินตุ่น. การใช้กิจกรรมจดบันทึกคอร์เนลล์เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดเห็นของนักศึกษา สาขาวิชาการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น 2559;10(1):108-20.
Pauk W, Owens RJQ. How to study in college. 10th ed. Boston, MA: Cengage Learning; 2011.
วรชาติ อำไพ. การจดบันทึก [อินเทอร์เน็ต]. นนทบุรี: มสธ.; 2557 [สืบค้นเมื่อ 29 ต.ค. 2562]. แหล่งข้อมูล: http://www.stou.ac.th/offices/oes/oespage/guide/.../4.การจดบันทึก.pdf
กมลรัตน์ เทอร์เนอร์, ลัดดา เหลืองรัตนมาศ, สราญ นิรัน-รัตน์, จิราภรณ์ จันทร์อารักษ์, บุญเตือน วัฒนกุล, ทุติยรัตน์ รื่นเริง. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาพยาบาลในวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี. วารสารพยาบาล-กระทรวงสาธารณสุข 2558;25(2):178-93.
ตวง อันทะไชย. การปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับ ข้อตกลงของประชาคมอาเซียน: ต้องปฏิรูปหลักสูตรและระบบการเรียนการสอน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย-ขอนแก่น 2559;39(2):13-4.
Faul F, Erdfelder E, Lang AG, Buchner A. G*Power 3: a flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behav Res Methods 2007;39(2):175-9.
Polit DF, Hungler BP. Nursing research: principle and methods. 5th ed. Philadephia: JB Lippincott; 1995.
นงลักษณ์ วิรัชชัย. สถิติชวนใช้. กรุงเทพมหานคร: ไอคอน พริ้นติ้ง; 2555.
Tsai TF, Wu Y. Effects of Note-taking instruction and note-taking languages on college EFL students’ listening comprehension. New Horizons in Education 2010; 58(1):120-32.
Broe D. The effects of teaching Cornell Notes on student achievement. North Dakota: Minot State University; 2013.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
![Creative Commons License](http://i.creativecommons.org/l/by-nc-nd/4.0/88x31.png)
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.