ผลของโปรแกรมการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กอายุ 1.6-2 ปี โดยผู้ปกครองมีส่วนร่วมงานสุขภาพเด็กดี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัย ที่ 3 นครสวรรค์
คำสำคัญ:
โปรแกรมการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา, การเข้าใจภาษา, การใช้ภาษา, ผู้ปกครองมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการเด็กด้านภาษา และคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาใน ผู้ปกครองเด็กอายุ 1.6–2 ปี ที่มีพัฒนาการสงสัยล่าช้าด้านภาษา ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพการส่งเสริมพัฒนา การด้านภาษาในเด็กอายุ 1.6–2 ปี โดยผู้ปกครองมีส่วนร่วม
วิธีการศึกษา: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ปกครองและเด็กอายุ 1.6-2 ปี ที่มารับบริการคลินิกสุขภาพเด็กดี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ ที่ผลการประเมินพัฒนาการด้านภาษาไม่ผ่านในครั้งแรกที่ประเมิน คัดเลือกอย่างเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่เป็นแบบสอบถาม และโปรแกรมส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาในผู้ปกครองเด็กอายุ 1.6-2 ปี โดยผู้ปกครองมีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิตเชิงพรรณนา ประกอบด้วย การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานด้วยสถิติ Paired sample t-test
ผลการศึกษา: พบว่า กลุ่มตัวอย่างเด็กที่มีพัฒนาการสงสัยล่าช้าด้านความเข้าใจภาษา (Receptive Language: RL) และด้านการใช้ภาษา (Expressive Language: EL) ภายหลังเข้าร่วมโปรแกรมเด็กกลับมามีพัฒนาการสมวัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.01) และค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมของผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กด้านภาษาโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.01)
สรุป: โปรแกรมส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาในผู้ปกครองเด็กอายุ 1.6-2 ปี โดยผู้ปกครองมีส่วนร่วมส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก
คำสำคัญ: โปรแกรมการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา, การเข้าใจภาษา, การใช้ภาษา, ผู้ปกครองมีส่วนร่วม
เอกสารอ้างอิง
ฤดีมน สกุลคู. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการล่าช้าด้านภาษาในเด็กอายุ 2-5 ปี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2565;31(5).
สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย. ผลสำรวจพัฒนาการสติปัญญา–ภาษา “เด็กไทย” [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.thaipbs.or.th/news/content/316965
กระทรวงสาธารณสุข. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัย กระทรวงสาธารณสุข 2565. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://nich.anamai.moph.go.th/th/kpr66/download?id=100241&mid=37540&mkey=m_document&lang=th&did=30983.
ศึกษาการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัย. ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Centre for SDG Research and Support: SDG Move) All rights reserved. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.sdgmove.com/2022/11/17/screening-programme-children-dspm/
ธีรชัย บุญยะลีพรรณ. ผลสำรวจล่าสุดกรมอนามัย สอดคล้องผลวิจัย กสศ.พบ 1 ใน 4 เด็กปฐมวัยพัฒนาล่าช้า ชี้โจทย์สำคัญเปิดเทอมใหม่ 2/2565.[อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก:https://www.eef.or.th/news-tsqp-011122/
กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการขับเคลื่อนตัวชี้วัด 1.7 ร้อยละของเด็กอายุ 0-5 ปี ทั้งหมดตามช่วงอายุที่กำหนดมีพัฒนาการสมวัย. 2565.
สรุปตรวจราชการและนิเทศงาน กรณีปกติ รอบที่ 2 ปีงบ ประมาณ 2566 เขตสุขภาพที่ 3 (กำแพงพิชัยอุทัยสวรรค์) กระทรวงสาธารณสุข; 2566.
กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM). นนทบุรี: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2562
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาเด็กที่มีภาวะพูดช้า. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 10 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก:http://www.thaipediatrics.org/Media /media-20161208104845.pd
McKean, C., Reilly, S., Bavin, E. L., Bretherton, L., Cini, E., Conway, L., . . . Mensah, F. Language outcomes at seven years: Early predictors and co-occurring difficulties. Pediatrics 2017. 139(3). doi: 10.1542/peds.2016-1684
นาตยา สุดจ้อย, และธนัธ กนกเทศ. (2561). ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเลี้ยงดูเด็กของผู้ปกครองกับระดับพัฒนาการเด็ก 3–5 ปี อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย. รายงานสืบเนื่องการประชุมสัมมนาวิชาการ (Proceedings). สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2563, สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2566, จาก http://gnru2017.psru.ac.th/proceeding/310-25600 831133859.pdf
เดชา ทาดี, จุฑามาศ โชติบาง, เนตรทอง นามพรม, อุษณีย์ จินตะเวช และพัชรี วรกิจพูนผล. แนวทางการพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุ 1 เดือน ถึง 2 ปี. วารสารการพยาบาลการสาธารณสุขและการศึกษา 2561;19(3):1-16.
พร ไตรรัตน์วรกุล,และวีระศักดิ์ ชลไชยะ. ความพร้อมในการเขียนเรียน. ใน สุรีย์ลักษณ์ สุจริตพงศ์, รวิวรรณ รุ่งไพรวัลย์, ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย, บานชื่น เบญจสุวรรณเทพ, อดิศร์สุดา เฟื่องฟู, จริยา จุฑาภิสิทธิ์ และพัฏ โรจน์มหามงคล (บก.), ตารางพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก (ล. 1, น. 109-120). กรุงเทพฯ: ชมรมพัฒนาและพฤติกรรมเด็ก 2561.
Pender, N.J., Murdaugh, C.L., & Parsons, M.A. Health Promotion in Nursing Practice. Norwalk, CT: Appleton & Lange; 2006.
Bandura, A. Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and company; 1997.
งานสถิติเวชระเบียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์. [สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2566]; สืบค้นจาก: ระบบรายงานข้อมูล HOSxP โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ.
อรุณศรี กัณวเศรษฐ, พวงทิพย์ ชัยพิบาลสฤษดิ์, และสุภาวดี เครือโชติกุล. ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมส่งเสริมพัฒนา การด้านภาษาต่อความรู้และการรับรู้ความสามารถของผู้ดูแลเด็กวัยปฐมวัย. วชิรสารการพยาบาล. 2561;20(1), 40-53.
วรรณริชฎา กิตติธงโสภณ. การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาในเด็กอายุ1-3 ปี โดยผู้ปกครองผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น [วิทยานิพนธ์]. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2565
Best, J. Research in education. 1997.New Jersey: Prentice Hall.
ต้องตา ขันธวิธี, จิราวรรณ แท่นวัฒนกุล. ปัจจัยที่มีโอกาสทำให้เกิดพัฒนาการด้านการใช้ภาษาไม่สมวัยในเด็กอายุ 9 เดือน ในเขตจังหวัดขอนแก่น. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ 2561;41(3):87-97.
พิชญ์ยุทธ์ สุนทรถิรพงศ์.พัฒนาการทางภาษาและการพูด [ออนไลน์]. มปป. [เข้าถึงเมื่อ 1 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: http://rajanukul.go.th/new/_admin/download/20-5923-1482492733.pdf3
Klaus, M.H. & Kennell, J.H. Maternal-infant bonding (2nded.). 1976. St.Louis: C.V. Mosby
อรพรรณ บัวอิ่น. (2560). การศึกษาปฐมวัยและพัฒนาการเด็กก่อนวัยเรียนในประเทศกำลังพัฒนา:หลักฐานเชิงประจักษ์จากประเทศไทย. พัฒนาการเศรษฐกิจปริทรรศน์, 2560;1(11), 73-107.
ชนม์ธิดา ยาแก้ว, รวี ศิริปริชยากร, จิราภรณ์ ยกอินทร์, อารีย์ พรหมเล็ก, อัญชิษฐา ปิยะจิตติ. พฤติกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เขตพื้นที่ภาคตะวันออก. วารสารศาสตร์การศึกษาและการพัฒนามนุษย์ 2561;2(2):1-14.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Region 3 Medical and Public Health Journal - วารสารวิชาการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.