การพยาบาลผู้ป่วยเลือดออกในสมองผ่านระบบช่องทางด่วน: กรณีศึกษา

ผู้แต่ง

  • ชัชวาลย์ เทียบเทียม โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์

บทคัดย่อ

          โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลก1 รายงานว่ามีผู้ป่วยใหม่กว่า 15 ล้านคนต่อปี เสียชีวิตประมาณ 5 ล้านคน และอีก 5 ล้านคนมีความพิการถาวร สำหรับประเทศไทยอัตราป่วยโรคหลอดเลือดสมองอยู่ที่ 517.26 ต่อประชากรแสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะเลือดออกในสมอง (Intracerebral Hemorrhage: ICH) พบได้ร้อยละ 10–15 ของผู้ป่วยทั้งหมด และมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 40–50 ภายใน 30 วันแรก ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตคือการได้รับการรักษาที่รวดเร็วผ่านระบบ Stroke Fast Track ซึ่งเน้นการประสานงานแบบสหสาขาวิชาชีพ

          การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการพยาบาลและผลลัพธ์ของผู้ป่วยเลือดออกในสมองที่เข้ารับการรักษาผ่านระบบช่องทางด่วน โดยใช้การศึกษากรณีศึกษาแบบเจาะจง

          กรณีศึกษาคือผู้ป่วยชายไทยอายุ 33 ปี มีอาการซึม แขนขาอ่อนแรง ตรวจ CT Brain พบภาวะ cerebellar hemorrhage ได้รับการผ่าตัด Rt suboccipital craniectomy with hematoma removal และเข้ารับการดูแลใน Sub ICU โดยพยาบาลมีบทบาทสำคัญตั้งแต่การประเมินสภาพผู้ป่วย การคัดกรองผู้ป่วย การประสานงาน การดูแลก่อนผ่าตัด ผลลัพธ์การรักษาพบว่าผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ระยะเวลานอนโรงพยาบาลรวม 12 วัน และจำหน่ายกลับบ้านได้โดยมี Motor Power ระดับปกติ

          สรุปได้ว่าระบบ Fast Track ร่วมกับสมรรถนะการพยาบาลที่มีประสิทธิภาพมีส่วนสำคัญในการลดความรุนแรงและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเลือดออกในสมอง ทั้งนี้ ผลการศึกษาสามารถใช้เป็นแนวทางพัฒนาคุณภาพการพยาบาลและการจัดการระบบบริการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองต่อไป

คำสำคัญ : โรคหลอดเลือดสมอง, ภาวะเลือดออกในสมอง, ระบบFast Track, การพยาบาล, รายกรณีศึกษา

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. World health statistics 2023: monitoring health for the SDGs. Geneva: World Health Organization; 2023

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข. สรุปรายงานการป่วย ปี พ.ศ. 2566. นนทบุรี: กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข; 2023

American Stroke Association. Spot a Stroke F.A.S.T. materials & resources. Dallas: American Stroke Association; 2023

Smith MC, Barber PA, Scrivener BJ, Stinear CM. The TWIST tool predicts when patients will recover independent walking after stroke: an observational study. Neurorehabil Neural Repair. 2022;36(7):461–71. Doi:10.1177/15459683221085287

Johnson KH, Gardener H, Gutierrez C, Marulanda E, Campo-Bustillo I, Gordon-Perue G, et al. Disparities in transitions of acute stroke care: the Transitions of Care Stroke Disparities Study methodological report. J Stroke Cerebrovasc Dis. 2023;32(9):107251. Doi:10.1016/j.jstrokecerebrovasdis.2023.107251

Thompson ED, Pohlig RT, McCartney KM, Hornby TG, Kasner SE, Raser-Schramm J, et al. Increasing activity after stroke: a randomized controlled trial of high-intensity walking and step-activity intervention. Stroke. 2024;55(1):5–13. Doi:10.1161/STROKEAHA.123.044596

Wilson SM, Entrup JL, Schneck SM, Onuscheck CF, Levy DF, Rahman M, et al. Recovery from aphasia in the first year after stroke. Brain. 2023;146(3):1021–39. Doi:10.1093/brain/awac129

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-03

วิธีการอ้างอิง

เทียบเทียม ชัชวาลย์. 2025. “การพยาบาลผู้ป่วยเลือดออกในสมองผ่านระบบช่องทางด่วน: กรณีศึกษา”. Region 3 Medical and Public Health Journal - วารสารวิชาการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 22 (4). Nakhonsawan Thailand. https://thaidj.org/index.php/smj/article/view/16911.

ฉบับ

บท

รายงานผู้ป่วย (Case Report)